โรคกรวยไตอักเสบ (Pyelonephrititis)
กรวยไต เป็นศูนย์รวมของน้ำปัสสาวะที่กรองผ่านกลุ่มของเส้นโลหิตฝอยที่ไต (glomeruli) จำนวนหลายแสนกลุ่ม ก่อนที่จะเทลงสู่ท่อไตแล้วไปพักที่กระเพาะปัสสาวะ โรคกรวยไตอักเสบเป็นโรคติดเชื้อที่รุนแรง หากเป็นแบบเฉียบพลันอาจทำให้เสียชีวิตได้ ส่วนแบบเรื้อรังจะทำให้ไตเกิดแผลเป็นและค่อย ๆ สูญเสียการทำงาน จนถึงขั้นไตวายเรื้อรังในที่สุด พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย
สาเหตุหลักมักเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย (มากกว่าร้อยละ 99) ในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำอาจเกิดจากเชื้อราได้ ปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ การมีนิ่วในไตหรือทางเดินปัสสาวะ การลุกลามของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ การติดเชื้อในกระแสเลือด โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (เช่น หนองใน) การใส่สายสวนปัสสาวะ ภาวะท่อทางเดินปัสสาวะตีบแคบ เช่น การตั้งครรภ์ (มดลูกโตไปกดทับท่อไต) หรือภาวะต่อมลูกหมากโต รวมถึงพฤติกรรมกลั้นปัสสาวะบ่อย ๆ และภาวะหูรูดหลวมทำให้ปัสสาวะไหลย้อนกลับ (Vesicoureteral reflux) ทำให้เชื้อในกระเพาะปัสสาวะไหลย้อนขึ้นไปที่กรวยไต
อาการของโรค
กรวยไตอักเสบเฉียบพลัน มีอาการชัดเจนและเกิดขึ้นรวดเร็วภายใน 24 ชั่วโมง ได้แก่ ไข้สูง หนาวสั่น คลื่นไส้อาเจียน ปวดบั้นเอวข้างเดียว ปัสสาวะขุ่นผิดปกติ และหากทุบเบา ๆ ที่บั้นเอวข้างที่เจ็บจะปวดมาก ซึ่งต่างจากอาการปวดกล้ามเนื้อทั่วไป
กรวยไตอักเสบเรื้อรัง เกิดจากการติดเชื้อซ้ำ ๆ อาการจะเบาลง เช่น มีไข้ต่ำหรือไม่มีไข้ ปวดเมื่อย อ่อนเพลีย และปัสสาวะขุ่น โดยมักไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน
ภาวะแทรกซ้อน ของกรวยไตอักเสบเฉียบพลันที่อันตรายที่สุดคือการติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งอาจเสียชีวิตได้ ส่วนกรวยไตอักเสบเรื้อรังจะค่อย ๆ นำไปสู่ภาวะไตวายเรื้อรังภายใน 10–20 ปี
การวินิจฉัยโรค
วินิจฉัยจากอาการ การตรวจร่างกาย การตรวจเลือดและปัสสาวะ รวมถึงการเพาะเชื้อจากปัสสาวะหรือเลือดเพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัด อาจมีการตรวจเพิ่มเติม เช่น อัลตราซาวด์หรือเอกซเรย์เพื่อตรวจหานิ่ว การฉีดสีดูโครงสร้างท่อไตและการทำงานของไต การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ และการส่องกล้องทางเดินปัสสาวะ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์
การรักษา
ผู้ป่วยควรเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เริ่มต้นด้วยยาปฏิชีวนะชนิดฉีด ร่วมกับการให้สารน้ำเพื่อช่วยขับปัสสาวะ พร้อมประคับประคองอาการไข้และอาเจียน และเฝ้าระวังการติดเชื้อในกระแสเลือด หากเชื้อไม่ดื้อยา ไข้มักจะลดลงภายใน 3–5 วัน และอาการทั่วไปจะดีขึ้น ควรรับประทานยาปฏิชีวนะต่อเนื่องจนครบ 7 วัน และดื่มน้ำมาก ๆ ในระยะพักฟื้น
พยากรณ์โรค
กรวยไตอักเสบเฉียบพลัน หากได้รับการรักษาเร็วและเหมาะสม ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายได้โดยไม่ทิ้งผลเสียระยะยาว แต่หากรักษาล่าช้าหรือมีเชื้อดื้อยา อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงได้ ส่วนกรวยไตอักเสบเรื้อรังมีแนวโน้มที่จะนำไปสู่ภาวะไตวายเรื้อรังหากไม่สามารถควบคุมการติดเชื้อซ้ำได้ ดังนั้นการตรวจและติดตามอาการต่อเนื่องจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
การป้องกัน
แนวทางการป้องกันคล้ายกับการป้องกันโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ได้แก่ ดื่มน้ำให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการกลั้นปัสสาวะโดยไม่จำเป็น และควรถ่ายปัสสาวะให้เรียบร้อยก่อนออกไปทำธุระหรือก่อนเข้านอน
สรุป
โรคกรวยไตอักเสบเป็นโรคติดเชื้อที่สำคัญและอันตราย โดยเฉพาะในผู้หญิง พบได้ทั้งแบบเฉียบพลันที่มีอาการรุนแรง และแบบเรื้อรังที่ทำให้ไตเสื่อมลงเรื่อย ๆ การวินิจฉัยและการรักษาอย่างทันท่วงทีด้วยยาปฏิชีวนะเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจถึงชีวิตได้ การดูแลสุขภาพ การดื่มน้ำมาก ๆ และการป้องกันการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะเป็นวิธีลดความเสี่ยงได้ดีที่สุด