โรคเยื่อหุ้มปอดอักเสบจากไวรัส (Viral pleurisies)

ไวรัสที่ทำให้เกิดเยื่อหุ้มปอดอักเสบ มักเป็นไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคในทางเดินหายใจ เช่น influenza virus, adenovirus หรือเป็นไวรัสที่ทำให้เกิดโรคที่อวัยวะอื่น แต่มีเยื่อหุ้มปอดอักเสบเป็นอาการที่อาจพบร่วมด้วย เช่น varicella virus, mumps virus และ cytomegalovirus และก็มีบ่อยครั้งที่ไม่สามารถระบุชนิดของเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของเยื่อหุ้มปอดอักเสบได้

อาการของเยื่อหุ้มปอดอักเสบจะมีลักษณะเฉพาะคือ มีอาการเจ็บหน้าอกทันทีทันใด และเจ็บมากขึ้นเวลาหายใจเข้าลึก ๆ กับเวลาไอ ผู้ป่วยมักมีไข้ต่ำ ๆ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ และอาจมีผื่นขึ้นตามตัว หากเป็นจาก varicella virus จะมีตุ่มน้ำใสของอีสุกอีใสให้เห็นด้วย หากเป็นจาก mumps virus จะมีต่อมน้ำลายโต กดเจ็บ คางบวม เอ็กซเรย์ปอดจะพบน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอดในปริมาณเล็กน้อย ตรวจเลือดมักไม่พบความผิดปกติของเม็ดเลือดขาว อาการของโรคจะไม่เป็นมากขึ้นกว่าวันแรก ๆ และจะค่อย ๆ หายไปเองใน 1-2 สัปดาห์

การวินิจฉัย

โรคเยื่อหุ้มปอดอักเสบจากไวรัสวินิจฉัยได้ค่อนข้างง่าย คือผู้ป่วยมักเป็นวัยหนุ่มสาว โดยทั่วไปแข็งแรงดี มีอาการเจ็บอกแบบปุบปับโดยเฉพาะเวลาหายใจ ทำให้ไม่กล้าหายใจเต็มที่ แต่เอ็กซเรย์ปอดเกือบจะเป็นปกติ ไม่มีปอดแตก ปอดอักเสบ หรือน้ำจำนวนมากในช่องเยื่อหุ้มปอดให้เห็น ตรวจเลือดก็ไม่พบความผิดปกติ การตรวจทางซีโรโลยี่อาจช่วยบอกสาเหตุของเชื้อได้ แต่ไม่ช่วยในการรักษา เพราะการดำเนินโรคสั้น ผู้ป่วยมักดีขึ้นเองก่อนที่ผลการตรวจจะออกมา

อย่างไรก็ตาม ต้องวินิจฉัยแยกโรคจากกลุ่มอาการ Fitz Hugh Curtis ซึ่งเป็นกลุ่มอาการที่ประกอบด้วย ไข้ เยื่อหุ้มปอดอักเสบด้านขวา และตับอักเสบ พบในสตรีวัยเจริญพันธุ์ เชื่อที่เป็นสาเหตุคือโกโนเรียกับคลาไมเดีย และต้องวินิจฉัยแยกโรคจากภาวะปอดแตก เยื่อหุ้มปอดอักเสบจาก collagen vascular disease และ pulmonary embolism ด้วย

การรักษา

ในระยะแรกอาจรับประทานยาแก้ปวดและยาระงับการไอเพื่อบรรเทาอาการ เมื่อผลตรวจเลือดและเอ็กซเรย์ปอดไม่พบความผิดปกติอื่น ๆ ก็ให้มั่นใจว่าเป็นโรคเยื่อหุ้มปอดอักเสบจากไวรัส อาการจะดีขึ้นเองภายใน 1 สัปดาห์ ถ้าอาการไม่หายสนิทภายใน 2 สัปดาห์ ควรกลับไปพบแพทย์อีกครั้งเพื่อติดตามภาวะของโรค collagen vascular disease ต่อไป