ชนิดของจุลินทรีย์

จุลชีพแบ่งขั้นต้นออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ

  1. โปรคาริโอต (Prokaryote) คือ พวกที่เซลล์ของมันไม่มีห้องกั้นระหว่างอวัยวะต่าง ๆ เหมือนเข้าไปในบ้านแล้วไม่มีห้องแยก ทั้งเตา, โต๊ะทำงาน, โถส้วม, เตียงนอน อยู่ห้องเดียวกันหมด ที่สำคัญคือไม่มีเนื้อเยื่อหุ้มสายโครโมโซมไว้ในห้องสำคัญที่เรียกว่า "นิวเคลียส" (Nucleus) จุลชีพในกลุ่มนี้ได้แก่พวกไวรัส คลาไมเดีย ริกเค็ทเซีย มัยโคพลาสมา และแบคทีเรีย
  2. ยูคาริโอต (Eukaryote) คือ พวกที่เซลล์ของมันมีเยื่อหุ้มสายโครโมโซมไว้ด้วยกัน เกิดเป็นนิวเคลียส ซึ่งเป็นหัวใจของเซลล์ในสัตว์ชั้นสูง อีกทั้งยังมีห้องกั้นระหว่างอวัยวะต่าง ๆ ทำให้ดูมีสัดส่วนและเป็นระเบียบกว่า ขนาดของเซลล์ก็ใหญ่กว่าพวกโปรคาริโอตประมาณ 10 เท่า จุลชีพในกลุ่มนี้ได้แก่พวกเชื้อรา โปรโตซัว หนอนพยาธิ เหา เห็บ ไร และปรสิตอื่น ๆ

ความแตกต่างในกลุ่มของโปรคาริโอต

ในกลุ่มของโปรคาริโอต ไวรัสจัดเป็นจุลชีพชั้นต่ำที่สุด ตัวมันมีเพียงสาย DNA หรือ RNA อย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่สามารถเพาะขึ้นได้ในอาหารเลี้ยงเชื้อ และไม่ถูกทำลายด้วยยาปฏิชีวนะ (เพราะยาปฏิชีวนะออกฤทธิ์ที่ส่วนอื่นของเซลล์ ไม่ได้ทำลายสายโครโมโซมโดยตรง)

ไวรัสคลาไมเดียริกเค็ทเซียมัยโคพลาสมาแบคทีเรีย
มีทั้ง DNA
และ RNA
มีกรด
Muramic
เพาะขึ้นได้
นอกเซลล์
ฆ่าได้ด้วย
ยาปฏิชีวนะ

โดยทั่วไปการวินิจฉัยโรคติดเชื้ออย่างแน่ชัดคือการพบเชื้อต้องสงสัยในตัวอย่างที่มาจากในร่างกายของเรา สำหรับเชื้อที่ไม่สามารถเพาะขึ้นนอกเซลล์ได้ การวินิจฉัยที่แน่ชัดต้องอาศัยวิธีทาง PCR เท่านั้น ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง และเพียงการปนเปื้อนเล็กน้อยก็อาจทำให้แปลผลผิดไปได้ การตรวจเลือดหาหลักฐานของการได้รับเชื้อชนิดนั้น ๆ ที่เรียกกันว่า IgM antibody ก็ต้องรอให้ร่างกายสร้างขึ้นก่อน ซึ่งกินเวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ อาจไม่ทันการในบางโรค ในทางปฏิบัติแพทย์จะอาศัยประวัติ อาการแสดง อาจร่วมกับการตัดโรคอื่นที่อาการคล้ายกันที่สามารถตรวจได้ออกไป แล้วเริ่มการรักษา แล้วดูผลการรักษาเป็นหลัก แบบนี้เรียกว่า "วินิจฉัยจากผลการรักษา" (Therapeutic diagnosis) แม้วิธีนี้อาจไม่สามารถระบุตัวเชื้อก่อโรคได้โดยตรง แต่ก็พอจะระบุกลุ่มของเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคของอวัยวะนั้น ๆ ได้

ความแตกต่างในกลุ่มของยูคาริโอต

ในกลุ่มของยูคาริโอต เราจำแนกใหญ่ ๆ ออกได้เป็นสองกลุ่มตามคุณสมบัติการเคลื่อนที่ได้หรือไม่ได้ (คล้ายสัตว์หรือพืช) และในระหว่างกลุ่มก็มีความแตกต่างกันในจำนวนเซลล์ วีธีการสืบพันธุ์ รูปร่าง และวงจรชีวิต

เชื้อราปรสิต
ยีสต์ราสายโปรโตซัวหนอนพยาธิเหาและไร
เคลื่อนที่ได้
มีหลายเซลล์ในหนึ่งตัว
ขยายพันธุ์โดยแตกหน่อแตกกิ่งแบ่งตัวผสมพันธุ์ผสมพันธุ์

การวินิจฉัยโรคที่เกิดจากเชื้อกลุ่มนี้มักง่ายกว่า เพราะมันตัวใหญ่พอที่จะเห็นรายละเอียดได้จากกล้องจุลทรรศน์ หรือแม้กระทั่งตาเปล่า อย่างไรก็ตาม การระบุเชื้อที่แน่ชัดสำหรับเชื้อราก็ยังคงอาศัยผลการเพาะเชื้อเป็นหลัก และสำหรับโปรโตซัวหรือหนอนพยาธิก็คือการพบไข่หรือตัวอ่อนของมันในระยะต่าง ๆ ภายในร่างกายของมนุษย์