โรคศูนย์กลางจอตาเสื่อม
(Age-related Macular Degeneration, AMD)
โรคศูนย์กลางจอตาเสื่อม (AMD) เป็นสาเหตุสำคัญของการสูญเสียการมองเห็นถาวรในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะในคนอายุเกิน 50 ปี พบมากในประเทศที่มีประชากรเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป รวมถึงเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความชุกของโรคจะเพิ่มขึ้นตามอายุ โดยในผู้ที่อายุเกิน 75 ปีอาจพบได้ถึง 20–30%
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
AMD เกิดจากการเสื่อมของบริเวณ macula ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของจอตาที่มีหน้าที่ในการมองเห็นภาพชัดเจนและสี ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่:
- อายุที่มากขึ้น
- พันธุกรรมและประวัติครอบครัวเป็นโรคนี้
- การสูบบุหรี่ (เพิ่มความเสี่ยง 2–4 เท่า)
- ภาวะไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจหลอดเลือด
- การได้รับแสงแดดรังสี UV มากเป็นเวลานาน
- การขาดสารอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระและลูทีน
อาการ
อาการของ AMD มักค่อย ๆ เกิดขึ้น และแตกต่างกันระหว่างชนิด dry AMD และ wet AMD:
- Dry AMD: การมองเห็นพร่ามัว โดยเฉพาะเวลามองตรงกลาง, มองเห็นเส้นตรงเป็นคลื่น, ความสามารถในการมองเห็นสีลดลง
- Wet AMD: การสูญเสียการมองเห็นกลางภาพอย่างรวดเร็ว, มองเห็นจุดดำหรือเงาดำตรงกลาง, การบิดเบี้ยวของภาพชัดเจน
การวินิจฉัย
การตรวจเพื่อยืนยัน AMD ใช้หลายวิธี ได้แก่:
- ตรวจตาด้วยเครื่อง ophthalmoscope พบ drusen (จุดเหลืองเล็ก ๆ บริเวณ macula)
- Optical Coherence Tomography (OCT): แสดงการเสื่อมและการสะสมของของเหลวใต้จอตา
- Fluorescein angiography: ใช้ในกรณีสงสัย wet AMD เพื่อตรวจหาการรั่วของหลอดเลือดผิดปกติ
- Amsler grid test: ใช้ตรวจสอบความผิดปกติของการมองเห็น เช่น เส้นตรงบิดเบี้ยว
การวินิจฉัยแยกโรค
- Diabetic retinopathy (จอตาเสื่อมจากเบาหวาน)
- Central serous chorioretinopathy
- Macular hole
- โรคต้อหิน (Glaucoma) และโรคต้อกระจก (Cataract)
การรักษา
การรักษา AMD ขึ้นอยู่กับชนิดและระยะของโรค:
- Dry AMD: ยังไม่มียาที่รักษาได้โดยตรง การรักษามุ่งเน้นที่การชะลอการดำเนินโรค โดยใช้สูตรอาหารเสริมตามการศึกษาของ AREDS2 (วิตามิน C, E, สังกะสี, ทองแดง, ลูทีน และซีแซนทีน)
- Wet AMD: ใช้การฉีดยาต้าน Vascular Endothelial Growth Factor (anti-VEGF) เช่น ranibizumab, aflibercept เพื่อลดการเกิดหลอดเลือดผิดปกติและชะลอการสูญเสียการมองเห็น
- การรักษาเสริม: การใช้เลเซอร์, การผ่าตัด photodynamic therapy (PDT) ในบางกรณี
ตารางเปรียบเทียบ Dry AMD และ Wet AMD
ลักษณะ |
Dry AMD |
Wet AMD |
ความชุก |
พบมากกว่า (~85–90% ของผู้ป่วย AMD) |
พบน้อยกว่า (~10–15% ของผู้ป่วย AMD) |
การดำเนินโรค |
ค่อยเป็นค่อยไป สูญเสียการมองเห็นช้า |
ดำเนินโรครวดเร็ว สูญเสียการมองเห็นกลางภาพอย่างฉับพลัน |
ลักษณะทางพยาธิสภาพ |
เกิด drusen และการฝ่อของ retinal pigment epithelium |
เกิดการสร้างหลอดเลือดผิดปกติใต้ macula และมีการรั่วซึมของของเหลว/เลือด |
อาการเด่น |
มองเห็นพร่ามัว มองเส้นตรงบิดเบี้ยวเล็กน้อย |
การมองเห็นกลางภาพหายไป มองเห็นจุดดำหรือเงาดำ |
การรักษา |
ไม่มีวิธีรักษาโดยตรง ใช้การเสริมอาหารตามสูตร AREDS2 เพื่อชะลอโรค |
การฉีด anti-VEGF, การใช้เลเซอร์ หรือ PDT |
พยากรณ์โรค |
อาจคงสภาพได้นาน แต่เสื่อมลงเรื่อย ๆ |
หากไม่ได้รักษาจะสูญเสียการมองเห็นรวดเร็ว แต่การรักษาช่วยยืดการมองเห็นได้ |
พยากรณ์โรค
AMD เป็นโรคเรื้อรังที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่หากตรวจพบและรักษาได้เร็ว โดยเฉพาะชนิด wet AMD การรักษาด้วยยาฉีด anti-VEGF สามารถช่วยคงการมองเห็นไว้ได้หลายปี หากไม่ได้รับการรักษา ผู้ป่วยจำนวนมากอาจสูญเสียการมองเห็นตรงกลางถาวร แต่การมองเห็นรอบข้าง (peripheral vision) มักยังคงอยู่
การป้องกัน
- งดการสูบบุหรี่
- รับประทานอาหารที่มีผักใบเขียว ผลไม้ และปลาที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3
- ป้องกันตาจากรังสี UV โดยการสวมแว่นกันแดด
- ควบคุมโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง
- ตรวจสุขภาพตาเป็นประจำโดยจักษุแพทย์
สรุป
โรคศูนย์กลางจอตาเสื่อม (AMD) เป็นปัญหาสำคัญในผู้สูงอายุและเป็นสาเหตุหลักของการสูญเสียการมองเห็นตรงกลาง โรคนี้แบ่งเป็นชนิด dry และ wet ซึ่งมีความรุนแรงต่างกัน การตรวจพบและรักษาเร็ว โดยเฉพาะการใช้ยาต้าน VEGF ใน wet AMD สามารถช่วยชะลอการเสื่อมและรักษาการมองเห็นได้ การปรับพฤติกรรม เช่น การเลิกบุหรี่ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ เป็นแนวทางสำคัญในการป้องกันและชะลอความรุนแรงของโรค