โรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง (Aortic aneurysm)

โรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง คือภาวะที่ผนังของหลอดเลือดแดงใหญ่ (aorta) อ่อนแอและขยายตัวผิดปกติ มักพบในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะเพศชายอายุมากกว่า 65 ปี ที่มีประวัติสูบบุหรี่หรือเป็นโรคความดันโลหิตสูง ตำแหน่งที่พบบ่อยที่สุดคือ หลอดเลือดแดงใหญ่ส่วนท้อง (abdominal aortic aneurysm, AAA) รองลงมาคือ หลอดเลือดแดงใหญ่ส่วนทรวงอก (thoracic aortic aneurysm, TAA) อุบัติการณ์ทั่วโลกพบประมาณ 2–5% ในประชากรกลุ่มเสี่ยง

สาเหตุ

ปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง ได้แก่

  • การเสื่อมของผนังหลอดเลือดตามอายุ
  • โรคหลอดเลือดแดงตีบแข็ง (atherosclerosis)
  • ความดันโลหิตสูงเรื้อรัง
  • การสูบบุหรี่
  • ปัจจัยทางพันธุกรรม เช่น Marfan syndrome, Ehlers-Danlos syndrome
  • การติดเชื้อหรือการอักเสบของผนังหลอดเลือด (mycotic aneurysm, vasculitis)
  • การบาดเจ็บ

อาการ

ส่วนใหญ่ของผู้ป่วยจะไม่มีอาการจนกว่าหลอดเลือดจะเริ่มขยายใหญ่มากหรือใกล้จะแตก อาการจะแตกต่างกันไปตามตำแหน่งที่โป่งพอง:

  • หลอดเลือดแดงใหญ่ในช่องท้อง (AAA): อาจคลำพบก้อนที่เต้นได้ในช่องท้อง รู้สึกปวดหลังหรือปวดท้องอย่างต่อเนื่อง
  • หลอดเลือดแดงใหญ่ในทรวงอก (TAA): อาจมีอาการเจ็บหน้าอกหรือหลัง ไอเรื้อรัง เสียงแหบ หรือหายใจลำบาก

หากหลอดเลือดแตก จะมีอาการปวดรุนแรงและฉับพลันมาก เหมือนถูกฉีกบริเวณท้องหรือหลัง ความดันโลหิตลดลง เหงื่อออกมาก และอาจหมดสติได้



การวินิจฉัย

การวินิจฉัยอาศัยการตรวจร่างกายร่วมกับการตรวจทางภาพ ได้แก่

  • Ultrasound: เหมาะสำหรับการคัดกรองและติดตาม AAA
  • CT angiography (CTA): ให้รายละเอียดชัดเจน เห็นขนาดและตำแหน่ง
  • MRI: ใช้ในผู้ที่แพ้สารทึบรังสีหรือจำเป็นต้องเลี่ยงรังสี
  • Chest X-ray: อาจเห็นเงาของ aorta ที่ผิดปกติ

การวินิจฉัยแยกโรค

โรค ลักษณะเด่น
โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน (Acute MI) เจ็บหน้าอกกดแน่น ร้าวไปแขนซ้าย คลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ
โรคหลอดเลือดปอดอุดตันจากลิ่มเลือด (Pulmonary embolism) หอบเหนื่อยเฉียบพลัน เจ็บหน้าอก ตรวจพบลิ่มเลือดในปอด
แผลกระเพาะอาหารหรือโรคทางเดินอาหาร ปวดท้องสัมพันธ์กับการกินอาหาร ไม่พบก้อนเต้นในท้อง
โรคไตหรือทางเดินปัสสาวะ ปวดเอว ปัสสาวะผิดปกติ ไม่สัมพันธ์กับการเต้นของหลอดเลือดใหญ่
ภาวะหลอดเลือดแดงใหญ่ฉีกขาด (Aortic Dissection) เจ็บหน้าอกหรือหลังเฉียบพลันรุนแรง ความดันโลหิตไม่เท่ากันทั้งสองแขน


การรักษา

แนวทางการรักษาขึ้นอยู่กับขนาด ตำแหน่ง และอัตราการขยายตัวของหลอดเลือด:

  • การเฝ้าระวัง: สำหรับหลอดเลือดที่โป่งพองขนาดเล็ก (< 5.5 ซม.) แพทย์จะติดตามด้วย ultrasound หรือ CT เป็นระยะ พร้อมควบคุมปัจจัยเสี่ยงอย่างเข้มงวด
  • การผ่าตัดแบบเปิด (Open Surgical Repair): ผ่าตัดนำส่วนที่โป่งพองออกแล้วใส่หลอดเลือดเทียมแทน เป็นวิธีที่สามารถรักษาหายขาดได้ แต่มีความเสี่ยงสูง
  • การใส่หลอดเลือดเทียมผ่านสายสวน (Endovascular Aneurysm Repair - EVAR): เป็นการผ่าตัดแผลเล็ก โดยสอดหลอดเลือดเทียมผ่านสายสวนเข้าไปเสริมผนังหลอดเลือดจากภายใน ฟื้นตัวเร็วและลดภาวะแทรกซ้อน

พยากรณ์โรค

หากไม่ได้รับการรักษา หลอดเลือดโป่งพองมีโอกาสแตกสูง โดยเฉพาะเมื่อขนาดเกิน 6 ซม. การแตกของ AAA มีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 80–90% การผ่าตัดเชิงป้องกันในรายที่มีขนาดใหญ่หรือมีอาการสามารถเพิ่มโอกาสรอดชีวิตได้อย่างมาก

การป้องกัน

สามารถลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองได้ด้วยการควบคุมปัจจัยเสี่ยง:

  1. ควบคุมความดันโลหิต: ด้วยการใช้ยาและปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต
  2. งดสูบบุหรี่: ปัจจัยสำคัญที่สุดที่ควรหลีกเลี่ยง
  3. ควบคุมระดับไขมันในเลือด: เพื่อลดการเกิดหลอดเลือดแข็ง
  4. ออกกำลังกายสม่ำเสมอและควบคุมน้ำหนัก: ช่วยให้สุขภาพโดยรวมแข็งแรง
  5. การตรวจคัดกรอง: ผู้ชายอายุ > 65 ปี ที่มีประวัติสูบบุหรี่ ควรตรวจอัลตราซาวด์หลอดเลือดแดงใหญ่ในช่องท้อง

สรุป

โรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง (Aortic aneurysm) เป็นภาวะที่หลอดเลือดแดงใหญ่ขยายตัวผิดปกติ พบมากในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้ที่สูบบุหรี่หรือมีโรคหลอดเลือดร่วม ผู้ป่วยมักไม่มีอาการจนกว่าจะเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง การวินิจฉัยใช้การตรวจทางภาพ เช่น ultrasound และ CT angiography การรักษาขึ้นอยู่กับขนาดและอาการ โดยมีทั้งการติดตามและการผ่าตัด การควบคุมปัจจัยเสี่ยงและการตรวจคัดกรองในกลุ่มเสี่ยงสามารถช่วยลดอัตราการเสียชีวิตได้