โรคไขกระดูกเป็นพังผืด (Myelofibrosis)
โรคไขกระดูกเป็นพังผืดเป็นโรคทางโลหิตวิทยาที่จัดอยู่ในกลุ่ม Myeloproliferative Neoplasms (MPNs) เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดในไขกระดูก ทำให้มีการเจริญเติบโตผิดปกติของเซลล์บางชนิด
โดยเฉพาะเมกะแคริโอไซต์ (Megakaryocyte) ที่หลั่งสารกระตุ้นการสร้างพังผืด เช่น TGF-β ส่งผลให้ไขกระดูกค่อย ๆ ถูกแทนที่ด้วยพังผืด จนการสร้างเม็ดเลือดลดลง ร่างกายจึงต้องพึ่งพาการสร้างเม็ดเลือดนอกไขกระดูก เช่น ม้ามและตับ ซึ่งทำให้เกิดอาการและภาวะแทรกซ้อนตามมา
โรคนี้พบเพียง 1-2 รายต่อประชากร 100,000 คนต่อปี มักพบในช่วงอายุ 50-70 ปี อาจเกิดขึ้นเอง (Primary Myelofibrosis) หรือเกิดตามหลังโรคอื่นในกลุ่ม MPNs เช่น Polycythemia Vera หรือ Essential Thrombocythemia (Secondary Myelofibrosis)
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
สาเหตุที่แท้จริงยังไม่แน่ชัด แต่ปัจจัยสำคัญที่เกี่ยวข้องคือการกลายพันธุ์ของยีน เช่น
- JAK2 V617F mutation – พบได้ประมาณ 50-60%
- CALR mutation – พบได้ 20-30%
- MPL mutation – พบได้ประมาณ 5-10%
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ เช่น อายุที่มากขึ้น ประวัติครอบครัวเป็นโรคกลุ่ม MPNs และการได้รับสารพิษหรือรังสีในปริมาณสูง
อาการของโรค
ผู้ป่วยอาจมีอาการหลากหลายขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค ได้แก่
- อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย จากภาวะโลหิตจาง
- เลือดออกง่าย หรือมีจ้ำเลือด
- ติดเชื้อบ่อย จากเม็ดเลือดขาวต่ำ
- ท้องโต แน่นท้อง เจ็บชายโครงซ้าย จากม้ามโต
- น้ำหนักลด เหงื่อออกกลางคืน มีไข้ต่ำเรื้อรัง
- ปวดกระดูกหรือข้อ
การวินิจฉัย
การวินิจฉัยโรคไขกระดูกเป็นพังผืดต้องอาศัยการรวมข้อมูลจากอาการ ตรวจร่างกาย ผลตรวจเลือด และการตรวจไขกระดูก โดยลักษณะสำคัญ ได้แก่
- ตรวจเลือดพบเม็ดเลือดแดงรูปร่างผิดปกติ โดยเฉพาะเม็ดเลือดแดงรูปหยดน้ำ (Teardrop cells)
- พบเม็ดเลือดอ่อน (Immature cells) ในกระแสเลือด เรียกว่า leukoerythroblastosis
- ไขกระดูกตรวจพบพังผืดเพิ่มขึ้น
- ตรวจยีนพบการกลายพันธุ์ที่เกี่ยวข้อง (เช่น JAK2, CALR, MPL)
การวินิจฉัยแยกโรค
โรค |
ลักษณะเด่น |
Myelofibrosis |
ม้ามโตมาก, Teardrop cells, พังผืดในไขกระดูก, มีการกลายพันธุ์ JAK2/CALR/MPL |
Aplastic anemia |
ไขกระดูกโล่ง (hypocellular), ไม่มีพังผืด, ไม่พบม้ามโต |
Myelodysplastic syndrome (MDS) |
ความผิดปกติของเม็ดเลือดหลายชนิด, ไม่มีม้ามโตชัดเจน, พบ dysplasia |
Leukemia (Acute/Chronic) |
พบเซลล์มะเร็งในเลือดหรือไขกระดูก, ม้ามโตได้, ไม่จำเป็นต้องมีพังผืด |
การรักษา
แนวทางการรักษาขึ้นกับอาการ ความรุนแรง และปัจจัยเสี่ยงของผู้ป่วย
- การรักษาประคับประคอง เช่น การให้เลือด การใช้ยากระตุ้นการสร้างเม็ดเลือด
- ยาลดอาการ เช่น Hydroxyurea เพื่อลดม้ามโตและควบคุมจำนวนเม็ดเลือด
- ยามุ่งเป้า (Targeted therapy) เช่น ยากลุ่ม JAK inhibitors (Ruxolitinib, Fedratinib) เพื่อลดอาการและม้ามโต
- การปลูกถ่ายไขกระดูก (Allogeneic stem cell transplantation) เป็นการรักษาที่อาจหายขาด แต่ไขกระดูกแข็งและเป็นพังผืดมาก ทำให้การฝังตัวของเซลล์ต้นกำเนิด (engraftment) ทำได้ยากกว่าการปลูกถ่ายในโรคอื่น เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว เหมาะกับผู้ป่วยอายุน้อย สุขภาพดี และอยู่ในระยะที่โรคยังไม่รุนแรงมาก
พยากรณ์โรค
โรคไขกระดูกเป็นพังผืดมีความรุนแรงแตกต่างกันไป ขึ้นกับระดับซีด ปริมาณเม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด การกลายพันธุ์ของยีน และขนาดของม้าม โดยทั่วไปผู้ป่วยมีอายุขัยเฉลี่ย 2-10 ปี หากไม่ได้รับการปลูกถ่ายไขกระดูก และมีโอกาสเปลี่ยนเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน (AML) ได้
อัตราการรอดชีวิตระยะยาว (5–10 ปี) หลังการปลูกถ่าย ประมาณ 30–60% ขึ้นกับความเสี่ยงของผู้ป่วย
การป้องกัน
ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการป้องกันโรคไขกระดูกเป็นพังผืดโดยตรง
เนื่องจากโรคนี้เกี่ยวข้องกับการกลายพันธุ์ของยีนและกลไกภายในร่างกาย อย่างไรก็ตาม การตรวจสุขภาพสม่ำเสมอและการเฝ้าระวังในผู้ที่มีโรคกลุ่ม MPNs อื่น ๆ อาจช่วยให้วินิจฉัยและรักษาได้เร็วขึ้น
สรุป
โรคไขกระดูกเป็นพังผืด (Myelofibrosis) เป็นโรคในกลุ่ม MPNs ที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด นำไปสู่การเกิดพังผืดในไขกระดูกและภาวะเลือดผิดปกติ ผู้ป่วยมักมีม้ามโต ซีด ติดเชื้อ และเลือดออกง่าย การรักษาแบ่งเป็นการประคับประคอง การใช้ยา และการปลูกถ่ายไขกระดูกซึ่งเป็นทางเดียวที่อาจหายขาดได้
พยากรณ์โรคขึ้นอยู่กับความรุนแรงและการตอบสนองต่อการรักษา