โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)

โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) เป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตและความพิการหลักของประชากรทั่วโลก โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่าพบผู้ป่วยใหม่หลายล้านคนต่อปี ในประเทศไทยเอง โรคหลอดเลือดสมองเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ และผู้ป่วยจำนวนมากมีความพิการหลงเหลือ ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและภาระทางเศรษฐกิจของครอบครัวและสังคม

โรคหลอดเลือดสมองเกิดจากความผิดปกติของการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงสมอง แบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่:

  1. หลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน (Ischemic stroke) พบได้ประมาณ 70-80% ของทั้งหมด เกิดจากลิ่มเลือด (thrombus) หรือเศษลิ่มเลือดจากที่อื่น (embolus) อุดตันหลอดเลือดสมอง
  2. หลอดเลือดสมองแตก (Hemorrhagic stroke) พบได้ประมาณ 20-30% เกิดจากผนังหลอดเลือดที่เปราะบางแตก ทำให้มีเลือดออกในสมองหรือเยื่อหุ้มสมอง

ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ เต็มไปด้วยปัจจัยเสริม เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มสุรา ความอ้วน และขาดการออกกำลังกาย

อาการ

อาการของโรคหลอดเลือดสมองมักเกิดขึ้นฉับพลันและขึ้นกับตำแหน่งของสมองที่ได้รับผลกระทบ โดยอาการสำคัญ ได้แก่:

  • แขน ขา หรือใบหน้าอ่อนแรงครึ่งซีก
  • พูดไม่ชัด พูดไม่ได้ หรือเข้าใจภาษาลำบาก
  • การมองเห็นผิดปกติ เช่น มองเห็นภาพซ้อน หรือมองไม่เห็นครึ่งซีก
  • การทรงตัวเสีย เดินเซ เวียนศีรษะอย่างรุนแรง
  • อาการปวดศีรษะเฉียบพลันรุนแรง (มักพบในหลอดเลือดสมองแตก)


การวินิจฉัย

การวินิจฉัยอาศัยประวัติ อาการแสดง ร่วมกับการตรวจร่างกายทางระบบประสาทและการตรวจเพิ่มเติม เช่น

  • CT scan หรือ MRI สมอง เพื่อตรวจแยกว่ามีเลือดออกหรือไม่
  • Doppler ultrasound หลอดเลือดคอ
  • การตรวจเลือด เช่น น้ำตาล ไขมัน การแข็งตัวของเลือด
  • การตรวจหัวใจ เช่น ECG หรือ Echocardiography

การวินิจฉัยแยกโรค

โรค ลักษณะเด่น วิธีแยกโรค
โรคลมชัก (Seizure) มีอาการชัก เกร็ง กระตุก อาจมีช่วงหมดสติ EEG, ประวัติอาการก่อนหน้า
ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ หมดสติ สับสน เหงื่อออก ตัวเย็น ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด
ไมเกรนที่มีอาการทางระบบประสาท (Migraine with aura) มีอาการปวดศีรษะร่วมกับการมองเห็นผิดปกติหรือชา ประวัติอาการเป็น ๆ หาย ๆ, CT/MRI ปกติ
เนื้องอกสมอง อาการค่อยเป็นค่อยไป มีอาการปวดศีรษะเรื้อรัง CT/MRI พบก้อนในสมอง

การรักษา

แนวทางการรักษาขึ้นกับชนิดของโรค:

  1. Ischemic stroke:
    • ให้ยาละลายลิ่มเลือด (rt-PA) ในผู้ป่วยที่มาโรงพยาบาลภายใน 4.5 ชั่วโมงหลังเริ่มอาการ
    • การทำหัตถการดึงลิ่มเลือดออก (mechanical thrombectomy) ในผู้ป่วยบางราย
    • ยาต้านเกล็ดเลือด เช่น aspirin, clopidogrel
    • ควบคุมความดันโลหิต น้ำตาล และไขมัน
  2. Hemorrhagic stroke:
    • การควบคุมความดันโลหิต
    • ผ่าตัดเอาก้อนเลือดออกในกรณีที่เหมาะสม
    • รักษาภาวะแทรกซ้อน เช่น ความดันในกะโหลกศีรษะสูง

ผู้ป่วยทุกรายควรได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพ (rehabilitation) ทั้งทางกายภาพบำบัด กิจกรรมบำบัด และการพูด



พยากรณ์โรค

พยากรณ์โรคขึ้นกับชนิด ความรุนแรง และระยะเวลาที่ได้รับการรักษา ผู้ป่วยบางรายสามารถฟื้นตัวได้ดีหากได้รับการรักษาเร็ว แต่บางรายอาจมีความพิการถาวร เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต หรือปัญหาการสื่อสาร ภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดอักเสบจากการสำลัก แผลกดทับ และภาวะซึมเศร้า เป็นสิ่งที่พบได้บ่อย

การป้องกัน

การป้องกันโรคหลอดเลือดสมองทำได้โดยการควบคุมปัจจัยเสี่ยง ได้แก่:

  • ควบคุมความดันโลหิต น้ำตาล และไขมันในเลือด
  • หยุดสูบบุหรี่และจำกัดการดื่มสุรา
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดเค็ม ลดมัน
  • ติดตามและรักษาโรคหัวใจหรือภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ

สรุป

โรคหลอดเลือดสมองเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่ต้องได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันการสูญเสียสมองถาวรและลดอัตราการเสียชีวิต การป้องกันโดยการควบคุมปัจจัยเสี่ยงมีความสำคัญอย่างยิ่ง การรับรู้สัญญาณเตือนและนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลโดยเร็วสามารถช่วยชีวิตและลดความพิการได้