โรคเยื่อจมูกอักเสบฝ่อ (Atrophic Rhinitis)

โรคเยื่อจมูกอักเสบฝ่อเป็นโรคเรื้อรังของโพรงจมูกที่พบไม่บ่อย โดยเยื่อบุจมูกฝ่อและบางลง ต่อมเมือกและขนกวัดหายไป ทำให้น้ำมูกในจมูกตกค้างและแห้งเป็นสะเก็ด เกาะติดอยู่บนเยื่อบุจมูก เมื่อสะสมกันมากขึ้นอาจอุดกั้นโพรงจมูก และทำให้เกิดกลิ่นเหม็นได้ โรคนี้พบได้ในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย 5 เท่า และมักเกิดในวัยรุ่นตอนปลายถึงวัยผู้ใหญ่ตอนต้น อายุต่ำสุดที่พบเริ่มเป็นคือ 5 ปี แต่ปัจจุบันพบโรคนี้น้อยลง อาจเนื่องมาจากสุขอนามัยและการรักษาทางการแพทย์ที่ดีขึ้น

สาเหตุของโรค

สาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัด แต่แบ่งโรคนี้ออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ

  1. กลุ่มที่เกิดขึ้นเองโดยไม่ทราบสาเหตุ เชื่อว่าอาจเกี่ยวข้องกับ
    • พันธุกรรม
    • การติดเชื้อเรื้อรัง เช่น Klebsiella ozaenae
    • ขาดสารอาหาร โดยเฉพาะธาตุเหล็ก และวิตามินเอ
    • ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน
    • ภาวะฮอร์โมนผิดปกติ โดยเฉพาะในสตรีวัยเจริญพันธุ์
    • สิ่งแวดล้อมที่แห้ง ฝุ่นละอองมาก
  2. กลุ่มที่มีสาเหตุ หรือเกิดขึ้นตามหลังโรคบางชนิด เช่น
    • โรคติดเชื้อเรื้อรัง เช่น Klebsiella ozaenae วัณโรค โรคเรื้อน ซิฟิลิส ไซนัสอักเสบเรื้อรัง
    • การผ่าตัดจมูกและไซนัส
    • การฉายแสงรักษามะเร็งของจมูกและไซนัส
    • อุบัติเหตุ

อาการ

อาการแสดง

จากการตรวจจมูกจะพบสะเก็ดเป็นแผ่นแห้งสีเหลืองปนน้ำตาล หรือเขียว เกาะอยู่บนเยื่อบุโพรงจมูก เมื่อดึงสะเก็ดออก จะเห็นหนองบางๆ เคลือบอยู่บนเยื่อบุ หลังทำความสะอาด จะเห็นว่าเยื่อบุจมูกมีลักษณะเหี่ยวฝ่อทั่วไป โพรงจมูกค่อนข้างกว้างมาก

ภาวะแทรกซ้อน

  • ไซนัสอักเสบเรื้อรัง พบบ่อย เนื่องจากการทำงานของขนกวัดในโพรงจมูกเสียไป
  • คอและกล่องเสียงอักเสบ แบคทีเรียที่เจริญอยู่ในโพรงจมูก อาจถูกกลืนลงคอ ทำให้เกิดการอักเสบของคอและกล่องเสียงได้ง่ายขึ้น
  • ผนังกั้นช่องจมูกทะลุ เนื่องจากบางรายอาจมีแผลที่บริเวณผนังกั้นช่องจมูกส่วนหน้า และอาจลุกลามจนทะลุได้
  • สันจมูกยุบ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีสาเหตุ หรือเกิดขึ้นตามหลังโรคบางชนิด เช่น วัณโรค โรคเรื้อน หรือซิฟิลิส


การวินิจฉัย

การวินิจฉัยอาศัยการซักประวัติและการตรวจร่างกาย พบโพรงจมูกกว้าง เยื่อบุจมูกบาง มีสะเก็ดหนาและมีกลิ่นเหม็น เมื่อเอาสะเก็ดออกจะเห็นผิวเยื่อบุซีดและแห้ง

การสืบค้นเพิ่มเติมที่ควรทำ ได้แก่

การตรวจเซลล์ในเยื่อบุจมูก, การเพาะเชื้อแบคทีเรียจากน้ำมูก หรือ สะเก็ด นอกจากนี้อาจส่งหาความไวของเชื้อต่อยาต้านจุลชีพชนิดต่างๆ, การถ่ายภาพรังสีของจมูกและไซนัส เพื่อดูว่ามีไซนัสอักเสบร่วมด้วยหรือไม่ อาจเจาะเลือดดูว่ามีซีดจากการขาดเหล็กหรือไม่ ตรวจดูภาวะโภชนาการ ตรวจ VDRL เมื่อสงสัยการติดเชื้อซิฟิลิส ในรายที่สงสัยวัณโรค หรือโรคเรื้อน อาจทำการตัดชิ้นเนื้อในโพรงจมูก

  • ตรวจเซลล์ในเยื่อบุจมูก
  • เพาะเชื้อแบคทีเรียจากน้ำมูก หรือ สะเก็ด
  • ภาพรังสีของจมูกและไซนัส เพื่อดูว่ามีไซนัสอักเสบร่วมด้วยหรือไม่
  • ตรวจเลือดดูว่ามีซีดจากการขาดเหล็กหรือไม่ ตรวจภาวะทุพโภชนาการอื่น ๆ
  • ตรวจ VDRL เมื่อสงสัยการติดเชื้อซิฟิลิส
  • ตัดชิ้นเนื้อในโพรงจมูกส่งพยาธิวิทยา ในรายที่สงสัยวัณโรคหรือโรคเรื้อน

การวินิจฉัยแยกโรค

โรค ลักษณะเด่น
Atrophic Rhinitis โพรงจมูกกว้าง เยื่อบุฝ่อ มีสะเก็ดหนามีกลิ่นเหม็น
Chronic Rhinosinusitis มีน้ำมูกข้นเรื้อรัง ปวดไซนัส ไม่มีกลิ่นเหม็นชัดเจน
Rhinitis Sicca จมูกแห้ง คัน ไม่มีสะเก็ดหนาหรือกลิ่นเหม็นเด่นชัด
Foreign body in nose พบในเด็ก มีน้ำมูกเหม็นข้างเดียว มักมีสิ่งแปลกปลอมในโพรงจมูก


การรักษา

การรักษามุ่งเน้นการบรรเทาอาการและปรับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ได้แก่:

  1. การรักษาทั่วไป: การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือบ่อย ๆ เพื่อลดสะเก็ดและกลิ่น
  2. การใช้ยา: ยาปฏิชีวนะเฉพาะราย เช่น Tetracycline, Rifampicin ในรายที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วม
  3. การใช้สารหล่อลื่น: เช่น กลีเซอรีน น้ำมันแร่ หรือน้ำยาพ่นจมูกที่มีสารชุ่มชื้น เพื่อให้สะเก็ดอ่อนตัวและกลิ่นเหม็นน้อยลง
  4. แก้ไขภาวะทุพโภชนาการ (ถ้ามี)
  5. การผ่าตัด: เช่น Young’s operation หรือการทำให้โพรงจมูกแคบลง เพื่อลดการระเหยและเพิ่มความชุ่มชื้น พบว่าเยื่อบุจมูกจะกลับคืนสู่สภาพปกติได้หลังผ่าตัดไปแล้ว 2 – 3 ปี หากมีไซนัสอักเสบร่วมด้วย การผ่าตัดรักษาไซนัสอักเสบและให้ยาต้านจุลชีพหลังผ่าตัดจะทำให้ผู้ป่วยโรคเยื่อจมูกอักเสบฝ่อมีอาการดีขึ้น

พยากรณ์โรค

โรคนี้เป็นโรคเรื้อรังและรักษาไม่หายขาด แต่อาการสามารถควบคุมได้ด้วยการล้างจมูก การใช้ยาที่เหมาะสม และการปรับสภาพแวดล้อม หากได้รับการดูแลที่ดี คุณภาพชีวิตผู้ป่วยจะดีขึ้นและสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

การป้องกัน

สรุป

โรคเยื่อจมูกอักเสบฝ่อ (Atrophic Rhinitis) เป็นโรคเรื้อรังที่ทำให้เยื่อบุจมูกฝ่อ เกิดสะเก็ดหนามีกลิ่นเหม็นและสูญเสียการรับกลิ่น สาเหตุเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อ พันธุกรรม ขาดสารอาหาร และสิ่งแวดล้อม การรักษามุ่งเน้นการบรรเทาอาการด้วยการล้างจมูก การใช้ยาและการผ่าตัดในบางราย แม้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่การดูแลที่เหมาะสมช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น