โรคพังผืดปอด (Pulmonary Fibrosis)

โรคพังผืดปอดเป็นโรคเรื้อรังที่พบไม่บ่อยเมื่อเทียบกับโรคทางเดินหายใจชนิดอื่น แต่มีความสำคัญเนื่องจากโรคมีการดำเนินที่รุนแรงและพยากรณ์โรคไม่ค่อยดี มักพบในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป และพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิงเล็กน้อย ความชุกของโรคแตกต่างกันตามภูมิภาค แต่โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10–60 รายต่อประชากรแสนคน

กลไกของโรคเกิดจากเนื้อเยื่อปอดถูกทำลายและเกิดกระบวนการซ่อมแซมที่ผิดปกติ ส่งผลให้เกิดพังผืดและความแข็งตัวของปอด ทำให้ปอดสูญเสียความยืดหยุ่น สาเหตุแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่:

  1. ไม่ทราบสาเหตุ (Idiopathic Pulmonary Fibrosis; IPF) เป็นกลุ่มที่พบได้บ่อยที่สุด
  2. มีสาเหตุชัดเจน เช่น:
    • การสัมผัสสิ่งแวดล้อมหรือสารพิษ (เช่น ฝุ่นซิลิกา แอสเบสตอส ฝุ่นไม้)
    • การใช้ยาบางชนิด (เช่น amiodarone, methotrexate, bleomycin)
    • ภาวะแพ้ภูมิตัวเอง (เช่น โรค SLE, rheumatoid arthritis, systemic sclerosis)
    • ผลจากการฉายรังสีบริเวณทรวงอก

อาการ

ผู้ป่วยมักมีอาการค่อย ๆ ปรากฏและรุนแรงขึ้นตามเวลา อาการที่พบบ่อย ได้แก่:

  • หอบเหนื่อย โดยเฉพาะเวลาทำกิจกรรมหรือออกแรง
  • ไอแห้งเรื้อรัง
  • อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
  • ปลายนิ้วปุ้ม (clubbing finger) พบได้ในบางราย


การวินิจฉัย

การวินิจฉัยโรคพังผืดปอดอาศัยทั้งการซักประวัติ การตรวจร่างกาย และการตรวจเพิ่มเติม เพื่อยืนยันและแยกโรค ได้แก่:

  • เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ความละเอียดสูง (HRCT) – พบลักษณะร่างแห (reticular pattern) และ honeycombing
  • การตรวจสมรรถภาพปอด (Pulmonary function test) – พบลักษณะ restrictive pattern และค่า DLCO ลดลง
  • การตรวจชิ้นเนื้อปอด – ใช้ในกรณีที่ยังไม่สามารถยืนยันการวินิจฉัยได้แน่ชัด
  • การตรวจเลือดหาภูมิคุ้มกัน – เพื่อตรวจหาสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับโรคภูมิคุ้มกัน

การวินิจฉัยแยกโรค

โรค ลักษณะสำคัญ สิ่งที่ช่วยแยกโรค
Idiopathic Pulmonary Fibrosis (IPF) เริ่มในผู้สูงอายุ, HRCT พบ UIP pattern ไม่มีประวัติสัมผัสสารหรือโรคภูมิคุ้มกัน
Hypersensitivity Pneumonitis มีประวัติสัมผัสสารอินทรีย์ เช่น ขี้นก เชื้อรา ตรวจ BAL พบ lymphocytosis
Connective Tissue Disease-associated ILD พบร่วมกับโรคภูมิคุ้มกัน เช่น RA, SLE ตรวจเลือดพบ autoantibodies
Drug-induced Lung Disease สัมพันธ์กับการใช้ยาบางชนิด อาการดีขึ้นหลังหยุดยา
Pneumoconiosis มีประวัติสัมผัสฝุ่นจากการทำงาน เช่น ซิลิกา แอสเบสตอส ลักษณะเฉพาะบนภาพถ่ายรังสี

การรักษา

แม้โรคพังผืดปอดไม่สามารถรักษาให้หายขาด แต่สามารถบรรเทาอาการและชะลอการดำเนินโรคได้ แนวทางการรักษาประกอบด้วย:

  • ยาต้านการเกิดพังผืด เช่น Pirfenidone และ Nintedanib
  • ยากดภูมิคุ้มกัน (ใช้ในผู้ป่วยที่มีโรคภูมิคุ้มกันร่วม)
  • ให้ออกซิเจนเสริมในผู้ที่มีภาวะพร่องออกซิเจน
  • การฟื้นฟูสมรรถภาพปอด (Pulmonary rehabilitation)
  • การปลูกถ่ายปอด (Lung transplantation) ในผู้ป่วยที่มีโรครุนแรงและเข้าเกณฑ์


พยากรณ์โรค

ผู้ป่วยโรคพังผืดปอด โดยเฉพาะชนิด IPF มักมีพยากรณ์โรคไม่ดี อัตราการรอดชีวิตเฉลี่ยหลังการวินิจฉัยอยู่ที่ประมาณ 3–5 ปี แม้การรักษาจะไม่สามารถหยุดโรคได้ แต่ยาต้านพังผืดสามารถช่วยชะลอการดำเนินโรคและปรับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น

การป้องกัน

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสฝุ่นหรือสารพิษ เช่น ฝุ่นอุตสาหกรรม ควันบุหรี่
  • ใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์และหลีกเลี่ยงยาที่เสี่ยงต่อการทำลายปอด
  • ตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในผู้ที่มีความเสี่ยงสูง

สรุป

โรคพังผืดปอด (Pulmonary fibrosis) เป็นโรคเรื้อรังที่ทำให้เนื้อเยื่อปอดแข็งและสูญเสียความยืดหยุ่น ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการหอบเหนื่อยและคุณภาพชีวิตลดลง การรักษาไม่สามารถทำให้หายขาด แต่สามารถชะลอความรุนแรงและบรรเทาอาการได้ การวินิจฉัยที่รวดเร็วและการป้องกันการสัมผัสปัจจัยเสี่ยงถือเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อช่วยควบคุมโรคและยืดอายุผู้ป่วย