โรค Friedreich's Ataxia

Friedreich's Ataxia เป็นโรคทางพันธุกรรมที่ค่อนข้างหายาก โดยมีอุบัติการณ์ประมาณ 1 ใน 40,000–50,000 คนทั่วโลก ส่วนใหญ่มักเริ่มมีอาการในช่วงวัยเด็กหรือวัยรุ่น ระหว่างอายุ 5–15 ปี และพบได้ใกล้เคียงกันทั้งเพศชายและหญิง

สาเหตุของโรคเกิดจากการกลายพันธุ์ในยีน FXN (Frataxin gene) บนโครโมโซมคู่ที่ 9 ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมการสร้างโปรตีนชื่อ Frataxin โปรตีนนี้มีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของไมโตคอนเดรียและการจัดการธาตุเหล็กในเซลล์ เมื่อโปรตีนดังกล่าวลดลงหรือทำงานผิดปกติ จะทำให้เกิดการสะสมของธาตุเหล็ก ส่งผลให้เซลล์ประสาท กล้ามเนื้อ และหัวใจถูกทำลายตามมา

อาการ

อาการของ Friedreich's Ataxia มักค่อย ๆ รุนแรงขึ้นทีละน้อย โดยอาการที่พบได้บ่อย ได้แก่

  • การทรงตัวไม่ดี เดินเซ หกล้มง่าย
  • กล้ามเนื้อแขนและขาอ่อนแรง
  • การเคลื่อนไหวไม่ประสานกัน (ataxia)
  • พูดไม่ชัด (dysarthria)
  • การมองเห็นหรือการได้ยินลดลง
  • ความผิดปกติของโครงสร้างกระดูก เช่น เท้าโก่ง (pes cavus) หรือกระดูกสันหลังคด (scoliosis)
  • ภาวะหัวใจโตหรือโรคหัวใจ (hypertrophic cardiomyopathy) ซึ่งอาจนำไปสู่การเสียชีวิตก่อนวัยอันควร
  • บางรายอาจมีภาวะเบาหวานร่วมด้วย


การวินิจฉัยโรค

การวินิจฉัยโรคต้องอาศัยทั้งการซักประวัติ ตรวจร่างกายทางระบบประสาท และการตรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยัน ได้แก่

  • การตรวจทางพันธุกรรม (Genetic testing) เพื่อตรวจหาความผิดปกติของยีน FXN
  • การตรวจ MRI สมองและไขสันหลัง เพื่อดูความผิดปกติของระบบประสาท
  • การตรวจการทำงานของหัวใจ เช่น Echocardiogram และ ECG
  • การตรวจการนำกระแสประสาท (Nerve conduction study)
  • การตรวจเลือด เพื่อค้นหาภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคเบาหวาน

การรักษา

ปัจจุบันยังไม่มีการรักษาที่ทำให้หายขาดได้ การรักษาส่วนใหญ่เป็นการบรรเทาอาการและชะลอความรุนแรงของโรค ได้แก่

  • กายภาพบำบัด เพื่อคงความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและช่วยเรื่องการทรงตัว
  • อรรถบำบัด (Speech therapy) สำหรับผู้ที่มีปัญหาการพูด
  • ยารักษาโรคร่วม เช่น ยาควบคุมอาการหัวใจหรือยาควบคุมเบาหวาน
  • การผ่าตัดแก้ไขโครงสร้างกระดูก เช่น การผ่าตัดแก้ไขกระดูกสันหลังคด
  • ยาทดลองใหม่ ๆ เช่น Idebenone และยาในกลุ่ม antioxidant ซึ่งมีการศึกษาว่าอาจช่วยลดความเสียหายของเซลล์ได้

พยากรณ์โรค

Friedreich's Ataxia เป็นโรคที่มีความก้าวหน้าช้าแต่ต่อเนื่อง ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักต้องใช้รถเข็นภายในระยะเวลา 10–20 ปีหลังเริ่มมีอาการ อายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 35–40 ปี โดยสาเหตุการเสียชีวิตส่วนใหญ่มักมาจากภาวะแทรกซ้อนทางหัวใจ เช่น ภาวะหัวใจล้มเหลว หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรง

การป้องกันโรค

เนื่องจากโรคนี้เป็นโรคทางพันธุกรรม จึงยังไม่มีวิธีป้องกันโดยตรง สิ่งสำคัญคือการให้คำปรึกษาทางพันธุกรรม (Genetic counseling) แก่ครอบครัวที่มีประวัติของโรค เพื่อช่วยประเมินความเสี่ยงและวางแผนครอบครัวได้อย่างเหมาะสม

สรุป

Friedreich's Ataxia เป็นโรคทางพันธุกรรมที่หายากและส่งผลกระทบต่อระบบประสาท กล้ามเนื้อ และหัวใจ แม้จะยังไม่มียาที่รักษาให้หายขาด แต่การดูแลแบบประคับประคองร่วมกับการบำบัดและการจัดการภาวะแทรกซ้อน สามารถช่วยยืดอายุและปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยให้ดียิ่งขึ้นได้ นอกจากนี้ การให้คำปรึกษาทางพันธุกรรมยังมีบทบาทสำคัญในการลดความเสี่ยงของการเกิดโรคในคนรุ่นต่อไป