โรคหัวใจรูมาติก (Rheumatic Heart Disease, RHD)

โรคหัวใจรูมาติกเป็นภาวะแทรกซ้อนระยะยาวที่ร้ายแรงของไข้รูมาติก (Rheumatic Fever) ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัส (Streptococcus Group A) ในลำคอ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ภูมิคุ้มกันของร่างกายอาจทำลายเนื้อเยื่อในร่างกายตัวเอง รวมถึงหัวใจและข้อต่อ ทำให้เกิดความเสียหายถาวร โดยเฉพาะที่ลิ้นหัวใจไมตรัลและเอออร์ติก

โรคนี้พบได้บ่อยในประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและวัยรุ่นอายุ 5–15 ปี องค์การอนามัยโลก (WHO) ประเมินว่ามีผู้ป่วยโรคหัวใจรูมาติกมากกว่า 30 ล้านคนทั่วโลก และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตมากกว่า 300,000 รายต่อปี

อาการ

อาการของโรค RHD มักจะปรากฏในระยะยาวหลังจากเกิดไข้รูมาติกครั้งแรก อาการจะเกี่ยวข้องกับการทำงานของลิ้นหัวใจที่ผิดปกติ และจะค่อยๆ แย่ลงเมื่อเวลาผ่านไป อาการที่พบบ่อยได้แก่:

  • เหนื่อยง่าย หอบเมื่อต้องออกแรง
  • เจ็บหน้าอก
  • ใจสั่น หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ โดยเฉพาะภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (Atrial fibrillation)
  • ขาบวม น้ำท่วมปอด
  • อาจมีอาการของภาวะแทรกซ้อน เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต หรือลิ่มเลือดไปอุดตันตามอวัยวะต่างๆ


การวินิจฉัย

การวินิจฉัยโรคหัวใจรูมาติกอาศัยการซักประวัติ การตรวจร่างกาย และการตรวจเพิ่มเติม เช่น:

  • การตรวจร่างกาย: พบเสียงฟู่ (murmur) ของหัวใจ
  • คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG): ตรวจหาความผิดปกติของการนำไฟฟ้าหรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ
  • เอ็กโคหัวใจ (Echocardiography): เป็นการตรวจที่สำคัญที่สุด ใช้ประเมินการตีบหรือรั่วของลิ้นหัวใจ
  • การตรวจเลือด: บ่งบอกการอักเสบ (ESR, CRP) หรือหลักฐานการติดเชื้อสเตรปโตค็อกคัส (ASO titer)

การวินิจฉัยแยกโรค

โรค ลักษณะสำคัญ การตรวจยืนยัน
โรคหัวใจรูมาติก มีประวัติไข้รูมาติก, ลิ้นไมตรัล/เอออร์ติกผิดปกติ Echocardiography แสดงการตีบ/รั่วของลิ้น
ลิ้นหัวใจเสื่อม (Degenerative valvular disease) พบในผู้สูงอายุ, การเสื่อมตามอายุ Echocardiography ไม่สัมพันธ์กับประวัติการติดเชื้อ
เยื่อบุหัวใจอักเสบติดเชื้อ (Infective endocarditis) มีไข้เรื้อรัง, อาการติดเชื้อ Blood culture, Echocardiography พบ vegetation
คาร์ดิโอไมโอแพที (Cardiomyopathy) หัวใจโต, บีบตัวผิดปกติ, ไม่มีลิ้นผิดรูปเด่นชัด Echocardiography พบการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ


การรักษา

การรักษาโรค RHD มุ่งเน้นไปที่การป้องกันการเกิดไข้รูมาติกซ้ำ และการจัดการภาวะแทรกซ้อนของความเสียหายที่ลิ้นหัวใจ

  1. การรักษาด้วยยา:
    • ยาปฏิชีวนะ (Penicillin) เพื่อป้องกันการติดเชื้อสเตรปโตค็อกคัสซ้ำ
    • ยาขับปัสสาวะ, ยาต้านหัวใจเต้นผิดจังหวะ, ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (ในผู้ที่มี AF)
    • ยาต้านการอักเสบ (เช่น Aspirin, Corticosteroids) ในระยะไข้รูมาติกเฉียบพลัน
  2. การรักษาด้วยหัตถการหรือผ่าตัด:
    • Balloon mitral valvotomy ในรายที่ลิ้นไมตรัลตีบ
    • ผ่าตัดซ่อมแซมลิ้นหัวใจ (Valve repair)
    • ผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ (Valve replacement) หากรุนแรง

พยากรณ์โรค

หากไม่ได้รับการรักษา ผู้ป่วยโรคหัวใจรูมาติกมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น หัวใจวาย ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ และหลอดเลือดสมองตีบอุดตัน อัตราการเสียชีวิตสูงโดยเฉพาะในประเทศที่ระบบสาธารณสุขไม่ทั่วถึง แต่หากได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม พยากรณ์โรคจะดีขึ้นมาก

การป้องกัน

การป้องกันโรคหัวใจรูมาติกทำได้โดย:

  • Primary prevention: รักษาการติดเชื้อคออักเสบจาก GAS ด้วยยาปฏิชีวนะอย่างถูกต้องและครบตามกำหนด
  • Secondary prevention: ให้ยาปฏิชีวนะป้องกันการกลับเป็นซ้ำในผู้ที่เคยเป็นไข้รูมาติก
  • การดูแลระยะยาว: ติดตามการทำงานของหัวใจและป้องกันภาวะแทรกซ้อน

สรุป

โรคหัวใจรูมาติก (RHD) เป็นภาวะความผิดปกติของลิ้นหัวใจที่เกิดตามหลังไข้รูมาติกจากการติดเชื้อสเตรปโตค็อกคัส พบได้มากในประเทศกำลังพัฒนา หากไม่ได้รับการรักษาอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น หัวใจวายหรือโรคหลอดเลือดสมอง การวินิจฉัยที่รวดเร็ว การรักษาอย่างถูกต้อง และการป้องกันการติดเชื้อซ้ำด้วยยาปฏิชีวนะเป็นกุญแจสำคัญในการลดอัตราป่วยและเสียชีวิต