ติ่งเนื้อที่ถุงน้ำดี (Gallbladder polyps)

ติ่งเนื้อที่ถุงน้ำดี คือ ก้อนที่ยื่นจากเยื่อบุผิวภายในเข้าสู่โพรงของถุงน้ำดี มักถูกตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจอัลตราซาวด์ อย่างไรก็ตาม ลักษณะที่เห็นจากอัลตราซาวด์เพียงอย่างเดียวไม่สามารถแยกได้ว่าติ่งนั้นเป็นมะเร็ง มีความเสี่ยงจะกลายเป็นมะเร็ง (premalignant adenomas) หรือเป็นติ่งเนื้อธรรมดา จึงจำเป็นต้องอาศัยปัจจัยเสี่ยงอื่นร่วมด้วยในการประเมิน

ชนิดของติ่งเนื้อ

  • Benign polyps: ติ่งเนื้อธรรมดา ได้แก่
    • Cholesterol polyps (60%): เกิดจากการสะสมของคอเลสเตอรอลในเยื่อบุผิวของถุงน้ำดี มักมีหลายติ่งพร้อมกัน อาจทำให้เกิดอาการจุกแน่น ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน หรือภาวะอุดกั้นทางเดินน้ำดี (obstructive jaundice)
    • Adenomyomas (25%): มักพบร่วมกับนิ่วในถุงน้ำดี พบบ่อยในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย (อัตราส่วน 3:1) และเพิ่มมากขึ้นตามอายุ สามารถแบ่งลักษณะจากอัลตราซาวด์ได้ 3 แบบ ได้แก่ generalized, fundal และ segmental โดยชนิด fundal และ segmental มีความสัมพันธ์กับการพบมะเร็งถุงน้ำดีในระยะท้าย ซึ่งอาจเกิดจากความยากในการตรวจพบมะเร็งระยะเริ่มต้นในผู้ป่วยกลุ่มนี้ มากกว่าการที่ติ่งเนื้อชนิดนี้มีแนวโน้มกลายเป็นมะเร็งโดยตรง
    • Inflammatory polyps (1%): มีลักษณะเป็นติ่งยาวประมาณ 5–10 มิลลิเมตร ภายในแทรกด้วยเม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์
  • Malignant polyps: ติ่งเนื้อที่มีโอกาสพัฒนาเป็นมะเร็ง เช่น
    • Adenoma (4%): เป็นติ่งเนื้อยาวประมาณ 5–20 มิลลิเมตร พบได้ 1–5 ติ่งในถุงน้ำดี มักพบร่วมกับนิ่ว หากมีขนาดมากกว่า 1–1.2 เซนติเมตร จะมีโอกาสพัฒนาเป็นมะเร็งชนิด adenocarcinoma ได้มากกว่าติ่งเนื้อขนาดเล็ก
    • Adenocarcinoma (10%): มะเร็งถุงน้ำดีที่อาจมีต้นกำเนิดจาก adenoma


ปัจจัยเสี่ยงที่บ่งชี้ถึงความเป็นมะเร็ง

  • ขนาดติ่งเนื้อ > 10 มม.
  • ผู้ป่วยอายุ > 50 ปี
  • มีหลายติ่ง หรือมีการเติบโตเร็ว
  • มีโรคประจำตัว เช่น primary sclerosing cholangitis

การตรวจวินิจฉัย

  • อัลตราซาวด์ (US): วิธีพื้นฐานในการพบติ่งเนื้อ
  • Endoscopic ultrasound (EUS): ให้ภาพที่ละเอียด ช่วยแยกชนิดของติ่งได้แม่นยำขึ้น
  • CT หรือ MRI: ใช้ในกรณีที่สงสัยมะเร็ง หรือขนาดเกิน 1 ซม.

แนวทางการรักษา

  • ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดทันที หากติ่งมีขนาด < 6 มม. และไม่มีปัจจัยเสี่ยง ควรติดตามด้วยอัลตราซาวด์ทุก 6-12 เดือน
  • พิจารณาผ่าตัดถุงน้ำดี (cholecystectomy) ในกรณีที่:
    • ขนาดติ่ง ≥ 10 มม.
    • ติ่งโตเร็ว หรือมีหลายติ่ง
    • สงสัยเนื้องอกร้าย

สรุป

แม้ว่าติ่งเนื้อถุงน้ำดีส่วนใหญ่จะไม่ใช่มะเร็ง แต่การประเมินความเสี่ยงอย่างรอบคอบด้วยขนาด ลักษณะของติ่ง และปัจจัยร่วมอื่น ๆ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจว่าจะติดตามอาการหรือทำการรักษาด้วยการผ่าตัด