เนื้องอกไม่ร้ายที่เต้านม (Benign breast tumors)

เนื้องอกไม่ร้ายที่เต้านมเป็นภาวะที่พบได้บ่อยในผู้หญิง โดยเฉพาะในช่วงอายุ 20–40 ปี แม้จะไม่เป็นอันตรายร้ายแรงต่อชีวิต แต่บางครั้งอาจสร้างความกังวล เนื่องจากอาการบางอย่างคล้ายกับมะเร็งเต้านม ปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเกิดเนื้องอกไม่ร้าย ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศหญิง (เอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน) การมีประวัติครอบครัว การใช้ยาคุมกำเนิด รวมถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น ความเครียด การบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง และการสูบบุหรี่

ชนิดของเนื้องอกไม่ร้ายที่เต้านม

1. Fibroadenoma

เป็นเนื้องอกไม่ร้ายที่พบบ่อยที่สุดในหญิงวัยเจริญพันธุ์ โดยเฉพาะในช่วงอายุ 15–35 ปี ก้อนมีลักษณะกลม เรียบ ขอบชัด เคลื่อนที่ได้ง่าย และไม่เจ็บเมื่อคลำ พบได้เพียงก้อนเดียวหรือหลายก้อนก็ได้ การรักษา อาจไม่จำเป็นหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงขนาดหรืออาการผิดปกติ แต่หากก้อนโตหรือสงสัยความผิดปกติ แพทย์อาจพิจารณาผ่าตัดออก พยากรณ์โรค ดีมาก ไม่เปลี่ยนเป็นมะเร็ง

2. Fibrocystic Changes

เป็นการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อเต้านมที่ทำให้เกิดก้อนหรือถุงน้ำ มีอาการปวดคัดเต้านมก่อนมีประจำเดือน ก้อนอาจยุบหายไปหลังมีประจำเดือน หรือเปลี่ยนตำแหน่งในรอบเดือนใหม่ พบได้บ่อยในหญิงอายุ 30–50 ปี การรักษา: เน้นการติดตามอาการ ร่วมกับการประคบอุ่นหรืองดคาเฟอีน หากมีถุงน้ำขนาดใหญ่หรือปวดมาก อาจใช้เข็มดูดของเหลว พยากรณ์โรค: ดี ไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง

3. Intraductal Papilloma

เป็นติ่งเนื้อที่เกิดในท่อน้ำนม มักพบในหญิงวัยใกล้หมดประจำเดือน อาการสำคัญคือมีของเหลวไหลออกจากหัวนม ซึ่งอาจมีเลือดปน ก้อนมักไม่สามารถคลำได้ชัด โดยเฉพาะที่บริเวณใต้หัวนม การรักษา: มักผ่าตัดเอาติ่งเนื้อออก และตรวจหาความผิดปกติอื่นร่วมด้วย พยากรณ์โรค: ดี แต่ควรติดตามต่อเนื่อง

4. Duct Ectasia

เกิดจากความผิดปกติของท่อน้ำนม ทำให้ผนังท่อหนาขึ้นจนคลำได้เป็นก้อนใต้หัวนม ซึ่งมักไม่แข็งมาก หัวนมอาจบุ๋มลง และอาจมีของเหลวสีเขียวหรือดำคล้ำออกจากหัวนม มักเกิดกับเต้านมเพียงข้างเดียว การรักษา: อาการมักดีขึ้นเองหลังดูแลความสะอาด อาจให้ยาปฏิชีวนะร่วมด้วย ถ้าไม่ดีขึ้นอาจพิจารณาผ่าตัดเอาท่อน้ำนมที่ผิดปกติออก

5. Adenosis

เป็นภาวะที่ต่อมน้ำนมมีจำนวนเพิ่มขึ้นและขยายตัวจนคลำได้เป็นก้อน มักเกิดกับเต้านมข้างเดียว และอาจมีพังผืดทำให้เต้านมเปลี่ยนรูปร่าง การรักษา: หากแมมโมแกรมหรืออัลตราซาวด์ยืนยันว่าเป็นภาวะไม่ร้ายแรง ไม่จำเป็นต้องรักษา แต่หากภาพไม่แน่ชัด อาจนัดตรวจซ้ำใน 6 เดือน หรือพิจารณาเจาะชิ้นเนื้อหากสงสัยผิดปกติ พยากรณ์โรค: ดีมาก มักไม่พัฒนาเป็นมะเร็ง

6. Phyllodes Tumor

เป็นเนื้องอกไม่ร้ายที่มีลักษณะโตเร็วและมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้ พบในหญิงอายุ 40–50 ปี ลักษณะ: ก้อนแข็ง ขนาดใหญ่ โตเร็ว อาจคล้ายกับ fibroadenoma แต่มีแนวโน้มรุนแรงกว่า การรักษา: ผ่าตัดเอาก้อนออกทั้งหมดรวมถึงขอบเนื้อปกติเพื่อลดโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ พยากรณ์โรค: ส่วนใหญ่ดี แต่ต้องติดตามต่อเนื่อง

7. Lipoma และ Hamartoma

เป็นก้อนเนื้อที่เกิดจากไขมันหรือเนื้อเยื่อปกติที่เจริญผิดที่ มักไม่ก่ออาการ และพบโดยบังเอิญจากการตรวจร่างกายหรือเอกซเรย์ การรักษา: ไม่จำเป็นหากไม่มีอาการ พยากรณ์โรค: ดี ไม่มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง

8. Fat necrosis

มักพบหลังการกระแทก การผ่าตัด หรือการฉายรังสีบริเวณเต้านม ทำให้เซลล์ไขมันตายและเกิดพังผืดหรือถุงน้ำมันขึ้นเป็นก้อน อาจมีอาการเจ็บหรือไม่เจ็บ และอาจมีรอยบุ๋มหรือรอยช้ำที่ผิวหนัง การตรวจวินิจฉัย: บางครั้งภาพรังสีของ Fat necrosis คล้ายมะเร็งเต้านม จำเป็นต้องตรวจชิ้นเนื้อเพื่อแยกโรค



วิธีตรวจวินิจฉัย

การวินิจฉัยเนื้องอกไม่ร้ายที่เต้านมต้องอาศัยการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และการตรวจเพิ่มเติมดังนี้:

  • การตรวจเต้านมด้วยตนเอง (Breast Self-Examination – BSE): ควรทำเดือนละครั้งหลังหมดประจำเดือน เพื่อคลำหาความผิดปกติหรือการเปลี่ยนแปลงของเต้านม
  • การตรวจโดยแพทย์ (Clinical Breast Examination – CBE): แพทย์จะทำการคลำและตรวจหาก้อนหรือความผิดปกติ
  • การตรวจภาพถ่ายทางการแพทย์: เช่น แมมโมแกรม (Mammogram) และ อัลตราซาวด์เต้านม เพื่อประเมินลักษณะของก้อน
  • การเจาะตรวจชิ้นเนื้อ (Biopsy): เพื่อเก็บเนื้อเยื่อตรวจทางพยาธิวิทยาให้แน่ชัด

สรุป

เนื้องอกไม่ร้ายที่เต้านมเป็นภาวะที่พบได้บ่อยและมักไม่เป็นอันตรายต่อชีวิต แต่ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยที่ถูกต้องเพื่อลดความกังวลและแยกโรคร้ายแรงออก การตรวจเต้านมด้วยตนเองเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทุกคนสามารถทำได้เพื่อเฝ้าระวังสุขภาพของตนเองอย่างสม่ำเสมอ หากพบความผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์เพื่อประเมินและวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม