เนื้องอกไม่ร้ายที่เยื่อหุ้มปอด (Benign pleural tumors)

เยื่อหุ้มปอด (pleura) เป็นเยื่อบางสองชั้น หนารวมกันเพียง 0.2-0.44 มิลลิเมตร ชั้นนอกหนากว่า เรียกว่า parietal pleura บุด้านในของผนังทรวงอก ชั้นในบาง เรียกว่า visceral pleura หุ้มผิวปอดแต่ละข้างแล้วยังแทรกเข้าไปห่อแต่ละกลีบปอดให้แยกจากกันอีก

ระหว่างชั้นนอกกับชั้นในเป็นช่องสุญญากาศเรียกว่า "ช่องเยื่อหุ้มปอด" (pleural cavity) มีของเหลวหล่อลื่นอยู่เล็กน้อย เพื่อช่วยให้ปอดขยายตัวและหดตัวได้อย่างราบรื่นขณะหายใจ ช่องเยื่อหุ้มปอดด้านซ้ายและขวาแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง และปกติจะไม่สามารถเห็นได้จากเอกซเรย์ ยกเว้นในกรณีที่มีของเหลว หนอง เลือด อากาศ หรือก้อนเนื้อในช่องดังกล่าว

เนื้องอกไม่ร้ายของเยื่อหุ้มปอดพบได้น้อยมาก คิดเป็นเพียง ไม่ถึง 10% ของเนื้องอกที่เกิดในเยื่อหุ้มปอดทั้งหมด ส่วนใหญ่ของเนื้องอกในบริเวณนี้จะเป็นชนิดร้ายแรง เช่น มะเร็งเยื่อหุ้มปอด (malignant pleural mesothelioma) ดังนั้นการวินิจฉัยว่าเป็นเนื้องอก ไม่ร้าย จึงต้องอาศัยข้อมูลอย่างรอบด้าน

ชนิดของเนื้องอก

  1. ก้อนไขมัน (Pleural lipoma) เป็นเนื้องอกไม่ร้ายที่พบบ่อยที่สุด ลักษณะจะเห็นไม่ชัดจากเอกเรย์ทรวงอกธรรมดา แต่ในเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ก้อนจะมีความเข้มเท่ากับเนื้อเยื่อไขมันบริเวณอื่น และไม่มี contrast enhancement ถ้ามี enhancing septa ภายในก้อนให้สงสัย Liposarcoma ต้องทำการตรวจชิ้นเนื้อ
  2. ก้อนไฟโบรมา (Solitary Fibrous Tumor of the Pleura - SFTP) พบได้น้อยกว่า 5% ของเนื้องอกเยื่อหุ้มปอดทั้งหมด มักพบโดยบังเอิญจากเอกซเรย์ในผู้สูงอายุ เพราะไม่ก่อให้เกิดอาการ ร้อยละ 80 โตจากเยื่อหุ้มปอดชั้นใน
  3. ประมาณ 2-4% ของเนื้องอกชนิดนี้จะหลั่ง insulin-like growth factor จึงอาจทำให้มีน้ำตาลในเลือดต่ำ และประมาณ 20% จะตรวจพบลักษณะ hypertrophic osteoarthropathy ซึ่งมีอาการนิ้วปุ้ม (clubbing) และ periosteal reaction ที่กระดูกยาว โดยทั่วไปมักไม่ปวด หากผลชิ้นเนื้อยืนยันว่าเป็น pleural fibroma ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด ยกเว้นในกรณีที่ก้อนมีขนาดใหญ่จนทำให้ไอ เหนื่อย หรือเจ็บอก

    ก้อนไฟโบรมามีความสัมพันธ์กับการกลายพันธุ์ของยีน NAB2-STAT6 และสามารถตรวจยืนยันด้วยการย้อมแอนติบอดี STAT6 ส่วนใหญ่พยากรณ์โรคดี แต่ในบางกรณีอาจมีการโตเร็วหรือกลับมาเป็นซ้ำ

  4. ก้อนเนื้อม้าม (Pleural splenosis) เป็นเนื้อเยื่อของม้ามที่หลุดเข้าไปฝังในเยื่อหุ้มปอดหลังจากเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้ม้ามแตก สามารถวินิจฉัยได้โดยการทำ scintigraphy ด้วยสาร 99mTc heat-damaged tagged erythrocytes
  5. Mesothelial cyst เป็นถุงน้ำเดี่ยวขนาดเล็กที่เกิดจากเยื่อหุ้มปอด พบได้ค่อนข้างน้อย
  6. Calcifying fibrous tumor เป็นเนื้องอกที่มีการสะสมของแคลเซียมร่วมกับพังผืด พบได้น้อยมาก และมักไม่แสดงอาการ
  7. ก้อนเนื้อเทียม (Pleural pseudotumor) เป็นน้ำที่ขังอยู่ระหว่างกลีบปอด มักพบในผู้ป่วยโรคตับแข็ง ไตวาย หัวใจล้มเหลว ลักษณะก้อนจะดูคล้ายเลนส์ตามแนวกลีบปอด แต่จะหายไปภายในไม่กี่วันหลังได้รับยาขับปัสสาวะ


อาการและวิธีตรวจวินิจฉัย

เนื้องอกไม่ร้ายในเยื่อหุ้มปอดส่วนใหญ่ไม่มีอาการ และมักถูกพบโดยบังเอิญจากการตรวจเอกซเรย์หรือ CT scan ด้วยเหตุผลอื่น

ในบางรายอาจมีอาการ เช่น เจ็บหน้าอก ไอเรื้อรัง หรือแน่นหน้าอก โดยเฉพาะหากก้อนมีขนาดใหญ่หรือกดเบียดอวัยวะข้างเคียง

CT scan เป็นเครื่องมือหลักในการวินิจฉัย โดยลักษณะที่ควรสงสัยว่าอาจเป็นเนื้องอกร้ายและควรพิจารณา biopsy ได้แก่:

  • ก้อนมีขนาดใหญ่กว่า 5 ซม.
  • มีขอบไม่เรียบ หรือการลุกลามไปยังเนื้อเยื่อรอบข้าง
  • มีการเพิ่มขนาดอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับการตรวจครั้งก่อน
  • พบความผิดปกติของต่อมน้ำเหลืองร่วมด้วย

หากสงสัยว่าเป็นเนื้องอกร้าย อาจพิจารณาตรวจเพิ่มเติมด้วย MRI หรือ PET scan โดยการยืนยันการวินิจฉัยจำเป็นต้องอาศัยการตัดชิ้นเนื้อ (biopsy) เพื่อตรวจทางพยาธิวิทยา

การรักษา

แนวทางการรักษาขึ้นอยู่กับชนิดของเนื้องอก ขนาด และอาการของผู้ป่วย โดยทั่วไป:

  • กรณีไม่มีอาการและก้อนขนาดเล็ก: อาจติดตามด้วยการทำ CT scan เป็นระยะโดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัด
  • กรณีมีอาการหรือก้อนโต: แนะนำให้ผ่าตัดออก โดยเฉพาะหากไม่สามารถแยกแน่ชัดว่าเป็นชนิดไม่ร้ายหรือร้าย

การผ่าตัดมักสามารถตัดออกได้หมด และผู้ป่วยมีพยากรณ์โรคที่ดีมาก โอกาสกลับมาเป็นซ้ำน้อย

สรุป

เนื้องอกที่ไม่ร้ายของเยื่อหุ้มปอดเป็นภาวะที่พบได้น้อยมาก และส่วนใหญ่ไม่ก่อให้เกิดอาการ การตรวจพบมักเกิดจากการตรวจภาพรังสีโดยบังเอิญ ก้อนส่วนใหญ่มีพยากรณ์โรคดี โดยเฉพาะ SFTP ซึ่งสามารถผ่าตัดรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ลักษณะของก้อนสงสัยว่าอาจเป็นมะเร็ง การ biopsy และการติดตามอาการอย่างใกล้ชิดเป็นสิ่งสำคัญในการวางแผนการดูแลผู้ป่วยอย่างเหมาะสม

บรรณานุกรม

  1. Binit Sureka, et. al. 2013. "Radiological review of pleural tumors." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Indian J Radiol Imaging. 2013 Oct-Dec; 23(4): 313–320. (3 สิงหาคม 2568).
  2. Jayanth Keshavamurthy, et. al. "Pleural tumours." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Radiopaedia.org. (3 สิงหาคม 2568).