เนื้องอกไม่ร้ายที่รังไข่ (Benign ovarian tumors)
รังไข่เป็นอวัยวะสำคัญของผู้หญิง ซึ่งทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนเพศหญิงและควบคุมการตกไข่ในแต่ละรอบเดือน เปรียบได้กับอัณฑะในผู้ชาย ฮอร์โมนจากรังไข่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของเด็กหญิงและทำให้เกิดการเจริญของไข่ในแต่ละรอบเดือน
ก้อนที่รังไข่เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในผู้หญิงทุกช่วงวัย ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุ โดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ก้อนเนื้องอกไม่ร้าย (ประมาณ 70%) ถุงน้ำ (ประมาณ 24%) และมะเร็งรังไข่ (ประมาณ 6%)
เนื้องอกไม่ร้ายที่รังไข่มักพบในช่วงวัยเจริญพันธุ์ โดยส่วนใหญ่เป็นก้อนที่ไม่มีอันตรายและไม่กลายเป็นมะเร็ง อย่างไรก็ตาม บางชนิดอาจมีโอกาสพัฒนาเป็นเนื้องอกร้ายหากไม่ได้รับการติดตามหรือรักษาอย่างเหมาะสม
ปัจจัยเสี่ยงที่อาจเพิ่มโอกาสเกิดเนื้องอกไม่ร้ายที่รังไข่ ได้แก่:
- มีประวัติครอบครัวที่เคยเป็นเนื้องอกหรือมะเร็งรังไข่
- ภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล เช่น การตกไข่ไม่สม่ำเสมอ
- โรคกลุ่มอาการรังไข่มีถุงน้ำหลายใบ (PCOS)
- โรคอ้วน
- เริ่มมีประจำเดือนก่อนอายุ 11 ปี
- ภาวะมีบุตรยาก
- การใช้ยาต้านฮอร์โมนเพศหญิง เช่น Tamoxifen
- การสูบบุหรี่
ชนิดของเนื้องอกไม่ร้ายที่รังไข่
รังไข่สามารถเกิดเนื้องอกได้หลายชนิดภายในก้อนเดียวกัน และอาจมีทั้งส่วนที่เป็นก้อนเนื้อและถุงน้ำรวมอยู่ด้วย เนื้องอกไม่ร้ายสามารถจำแนกได้เป็น 2 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มที่ไม่กลายเป็นมะเร็ง และกลุ่มที่มีโอกาสกลายเป็นมะเร็งได้ ดังนี้:
กลุ่มที่ไม่กลายเป็นมะเร็ง
- Follicle cyst เกิดจากถุงไข่ที่เจริญไม่สมบูรณ์หรือไม่แตกตามปกติ ก้อนมักมีขนาดเล็กและหายไปเองภายในไม่กี่สัปดาห์
- Corpus luteum cyst เกิดหลังการตกไข่ เมื่อ corpus luteum มีเลือดคั่งหรือไม่สลายตัว ก้อนมักมีขนาดเล็ก และอาจมีเลือดออกภายในถุงน้ำ
- Theca lutein cyst เป็นถุงน้ำหลายใบที่รังไข่ทั้งสองข้าง เกิดจากฮอร์โมน hCG สูง มักพบในภาวะตั้งครรภ์ผิดปกติ เช่น ไข่ปลาอุก หรือแฝดหลายคน ส่วนใหญ่ไม่อันตรายและสามารถหายได้เองหลังฮอร์โมนลดลง แต่ควรติดตามอาการและตรวจด้วยอัลตราซาวด์เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน
- Dermoid cyst (Mature cystic teratoma) เกิดจากเซลล์สืบพันธุ์ที่เจริญผิดปกติ มักพบในหญิงสาว ก้อนอาจประกอบด้วยไขมัน เส้นผม หรือฟัน ร้อยละ 20 เป็นทั้งสองข้าง โอกาสกลายเป็นมะเร็งน้อยมาก (น้อยกว่า 2%)
กลุ่มที่อาจกลายเป็นมะเร็ง
- Serous cystadenoma ถุงน้ำผนังบางที่มีของเหลวใส พบมากในหญิงอายุ 40–50 ปี ร้อยละ 20 เป็นทั้งสองข้าง มีโอกาสกลายเป็นมะเร็งได้ประมาณ 25%
- Mucinous cystadenoma ถุงน้ำขนาดใหญ่ภายในมีของเหลวเหนียวคล้ายเมือก และมีโอกาสฉีกขาดหรือแตกได้ ร้อยละ 10 พบในรังไข่ทั้งสองข้าง มีความเสี่ยงกลายเป็นมะเร็งประมาณ 5%
- Endometrioma เกิดจากเนื้อเยื่อเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ในรังไข่ จนเกิดเป็นถุงน้ำเลือดหรือที่เรียกว่า “ช็อกโกแลตซีสต์” พบในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ที่มีอาการปวดประจำเดือนรุนแรง มีโอกาสกลายเป็นมะเร็งได้เล็กน้อย โดยเฉพาะในผู้ที่ไม่ได้รับการรักษานานหลายปี
- เนื้องอกไม่ร้ายอื่น ๆ เช่น Fibroma, Thecoma, Adenofibroma, Brenner's tumor, Androblastoma, Dysgerminoma และ Struma ovarii tumor เนื้องอกเหล่านี้มีโอกาสกลายเป็นมะเร็งได้น้อยกว่าพวก cystadenoma มาก
อาการและการวินิจฉัย
เนื้องอกไม่ร้ายที่รังไข่ส่วนใหญ่มักไม่แสดงอาการในระยะเริ่มต้น โดยเฉพาะหากมีขนาดเล็ก แต่เมื่อก้อนโตขึ้น อาจพบอาการ เช่น:
- คลำพบก้อนที่ท้องน้อย
- ปวดท้องน้อย หรือประจำเดือนผิดปกติ
- รู้สึกแน่นท้อง หรือท้องโตขึ้นผิดปกติ
- มีอาการจากก้อนกดเบียดอวัยวะข้างเคียง เช่น ปัสสาวะบ่อย หรือท้องผูก
- ในบางราย ก้อนอาจเกิดการบิดตัว (Twisted ovarian tumor) ทำให้ปวดท้องเฉียบพลัน และอาจมีไข้ร่วมด้วย
ในผู้ที่ไม่มีอาการ ก้อนอาจถูกตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจภายใน หรือการตรวจสุขภาพประจำปี หากก้อนมีขนาดเล็ก แพทย์อาจให้รับประทานยาคุมกำเนิดเพื่อลดการเกิดถุงน้ำใหม่ และติดตามขนาดก้อนด้วยการทำอัลตราซาวด์ในอีก 1/2 ถึง 3 เดือนต่อมา
กรณีที่ก้อนไม่ยุบ หรือมีขนาดใหญ่เกินกว่าจะหายได้เอง แพทย์จะประเมินเพิ่มเติม เช่น ตรวจเลือดค่า CA-125 เพื่อดูความเสี่ยงของมะเร็ง ตรวจด้วยเครื่องมืออย่าง CT-scan, MRI หรือส่องกล้องตรวจในช่องท้อง (laparoscopy) และหากมีน้ำในช่องท้อง อาจเจาะน้ำเพื่อตรวจ พร้อมพิจารณาผ่าตัดก้อนออกเพื่อตรวจทางพยาธิวิทยา
วิธีรักษา
แนวทางการรักษาขึ้นกับชนิดและขนาดของก้อน อาการของผู้ป่วย และความต้องการในการมีบุตร โดยมีแนวทางหลักดังนี้:
- การเฝ้าระวัง: สำหรับก้อนที่ขนาดเล็ก ไม่มีอาการ และมีลักษณะไม่เสี่ยง สามารถติดตามขนาดก้อนด้วยอัลตราซาวด์ทุก 3–6 เดือน
- การใช้ยา: เช่น ยาคุมกำเนิดในบางกรณี เพื่อช่วยลดการเกิดถุงน้ำซ้ำ
- การผ่าตัด: หากก้อนมีขนาดใหญ่ มีอาการ หรือสงสัยว่าอาจเป็นมะเร็ง แพทย์อาจพิจารณาผ่าตัดแบบส่องกล้องหรือผ่าตัดเปิดหน้าท้อง ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละราย
สรุป
เนื้องอกไม่ร้ายที่รังไข่เป็นภาวะที่พบได้บ่อย ส่วนใหญ่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายและสามารถหายได้เอง อย่างไรก็ตาม ควรได้รับการติดตามและวินิจฉัยอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนหรือการพัฒนาเป็นเนื้องอกร้าย หากมีอาการผิดปกติควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล