เนื้องอกไม่ร้ายที่ไต (Benign renal tumors)
ไตเป็นอวัยวะที่อยู่ในช่องท้องด้านหลัง (retroperitoneal) โดยมีเยื่อบุช่องท้องคลุมอยู่ด้านหน้า ลักษณะคล้ายเมล็ดถั่ว อยู่บริเวณหลังส่วนล่างด้านซ้ายและขวาของกระดูกสันหลัง ทำหน้าที่กรองของเสียออกจากเลือดและขับออกทางปัสสาวะ ภายในไตมีหน่วยไต (nephron) จำนวนมาก ซึ่งแต่ละหน่วยประกอบด้วยหลอดเลือดฝอย (glomerulus) และหลอดไตฝอย (renal tubule) ทำหน้าที่แยกน้ำและเกลือแร่ส่วนเกินออกจากเลือด แล้วส่งผ่านมายังกรวยไต (renal pelvis – บริเวณลูกศรสีดำ) ก่อนจะไหลลงสู่ท่อไตเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะ
นอกจากการกรองเลือดแล้ว ไตยังมีบทบาทสำคัญอื่น ๆ เช่น ควบคุมปริมาณน้ำและความสมดุลของกรด-เบส ผลิตฮอร์โมน erythropoietin เพื่อกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดงจากไขกระดูก, ฮอร์โมน renin เพื่อควบคุมความดันโลหิต และฮอร์โมน calcitriol ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมระดับแคลเซียมและฟอสฟอรัสในร่างกาย
เมื่อไตทำงานผิดปกติ จะมีอาการแสดง เช่น บวมน้ำ ปัสสาวะน้อย ความดันโลหิตสูง หรือพบความผิดปกติในปัสสาวะ หากไตเสื่อมเรื้อรังอาจเกิดภาวะโลหิตจาง แคลเซียมในเลือดต่ำ และความผิดปกติของกระดูก ซึ่งอาจส่งผลให้เด็กที่มีไตวายตั้งแต่อายุน้อยเกิดภาวะแคระแกร็น
เนื้องอกที่ไตแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มหลัก คือ เนื้องอกไม่ร้าย (benign) และเนื้องอกร้าย (malignant หรือมะเร็งไต) โดยทั่วไปเนื้องอกร้าย เช่น renal cell carcinoma พบได้บ่อยกว่า อย่างไรก็ตาม การใช้เทคโนโลยีการถ่ายภาพขั้นสูง เช่น CT หรือ MRI ทำให้ตรวจพบเนื้องอกไม่ร้ายโดยบังเอิญมากขึ้นในปัจจุบัน
ชนิดของเนื้องอกไม่ร้ายที่ไต
เนื้องอกไม่ร้ายที่ไตมีหลายชนิด โดยแต่ละชนิดมีลักษณะเฉพาะ อุบัติการณ์ อาการ และแนวทางการรักษาที่แตกต่างกัน ดังนี้:
1. Renal cysts
ก้อนที่ไตที่พบบ่อยที่สุดคือพวกถุงน้ำ โดยอาจเกิดจากพันธุกรรมหรือเป็นผลตามมาของภาวะไตวายเรื้อรังในผู้ที่ฟอกไตเป็นประจำ ส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการและไม่อันตราย มักตรวจพบโดยบังเอิญจากการอัลตราซาวด์หรือเอกซเรย์
แม้ถุงน้ำจะไม่อันตราย แต่บางกรณีอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อ การฉีกขาดของผนังถุงน้ำ (หากขยายใหญ่) จนทำให้มีอาการปวดไตหรือปัสสาวะเป็นเลือดได้ การติดตามขนาดถุงน้ำเป็นระยะจึงมีความสำคัญ
การตรวจอัลตราซาวด์หรือ CT scan สามารถช่วยแยกถุงน้ำออกจากก้อนเนื้อที่ไตได้อย่างแม่นยำ
2. Renal Adenoma
เป็นเนื้องอกไม่ร้ายที่พบได้บ่อย มักพบโดยบังเอิญในผู้สูงอายุ มีขนาดเล็กไม่เกิน 0.5 ซม. โตช้าและไม่แสดงอาการ
ในกรณีที่ก้อนมีขนาดเล็กเกินไปจนไม่สามารถเจาะชิ้นเนื้อมาตรวจได้ แพทย์อาจเลือกติดตามขนาดของก้อนเป็นเวลา 1-2 ปี หากก้อนโตเร็วผิดปกติ อาจพิจารณาว่ามีความเสี่ยงกลายเป็น renal cell carcinoma และรักษาเสมือนว่าเป็นมะเร็งระยะแรก
3. Metanephric adenoma
เป็น adenoma ชนิดพิเศษที่พบบ่อยในเด็กหญิงหรือหญิงสาว มักทำให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดแดงมากผิดปกติ (polycythemia) และเกิดภาวะเลือดข้น ภายในก้อนมีการสะสมแคลเซียม สามารถเห็นจากภาพเอกซเรย์ธรรมดา
แม้จะเป็นเนื้องอกไม่ร้าย แต่หากไม่รักษาอาจก่อให้เกิดอันตรายจากภาวะเลือดข้น จึงมักพิจารณาตัดออก
4. Renal Oncocytoma
คิดเป็นประมาณ 3-7% ของเนื้องอกที่ไต พบบ่อยในเพศชายอายุมากกว่า 60 ปี มักเป็นก้อนเดี่ยว ขนาดใหญ่ สีเทาหรือน้ำตาล มีขอบเรียบ และมักพบรอยแผลเป็นตรงกลางก้อน (central scar) อาจพบได้ทั้งสองข้างของไต
ส่วนใหญ่มักไม่แสดงอาการ เว้นแต่ก้อนมีขนาดใหญ่มากจนเบียดอวัยวะอื่น แม้จะไม่ใช่มะเร็ง แต่บางครั้งเซลล์ของเนื้องอกชนิดนี้อาจคล้ายกับ low-grade RCC จึงอาจพิจารณาตัดก้อนออกเพื่อรักษาไตไว้
5. Angiomyolipoma (หรือ renal hamartoma)
เป็นเนื้องอกที่ประกอบด้วยไขมัน หลอดเลือด และกล้ามเนื้อเรียบ ซึ่งสามารถมองเห็นชัดจาก CT หรือ MRI มักพบในผู้หญิงวัยกลางคน และอาจพบร่วมกับโรคทางพันธุกรรม เช่น Tuberous sclerosis
หากเนื้องอกมีขนาดเกิน 4 ซม. มีโอกาสเกิดการฉีกขาดของหลอดเลือดภายใน ทำให้มีการตกเลือดในช่องท้อง ซึ่งอาจเป็นอันตราย แพทย์จึงมักพิจารณาตัดก้อนออกหรือลดขนาดโดยใช้เทคนิค embolization เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน
6. เนื้องอกไม่ร้ายที่ไตอื่น ๆ
เช่น Fibroma และ Lipoma ซึ่งเป็นเนื้องอกของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันและไขมันบริเวณรอบไต ก้อนเหล่านี้โตออกภายนอกไต และอาจดึงรั้งหน่วยไตจนฉีกขาด ทำให้ปวดไตหรือมีปัสสาวะเป็นเลือดได้
ในกรณีดังกล่าว แพทย์มักตัดก้อนออก ซึ่งอาจต้องผ่าตัดบางส่วนของไตหรือไตทั้งข้างออก
วิธีตรวจวินิจฉัย
การวินิจฉัยเนื้องอกที่ไตอาศัยการตรวจทางรังสีและการวิเคราะห์ลักษณะของก้อน ดังนี้:
- อัลตราซาวด์ (Ultrasound): ใช้ตรวจเบื้องต้นเพื่อดูลักษณะของก้อนว่าเป็นถุงน้ำหรือก้อนเนื้อ
- CT scan หรือ MRI: ใช้ประเมินขนาด รูปร่าง และโครงสร้างภายในก้อน ช่วยแยกความเป็นเนื้องอกไม่ร้ายหรือร้ายได้ในบางกรณี
- การตรวจชิ้นเนื้อ (Biopsy): ทำในกรณีที่จำเป็นต้องยืนยันชนิดของก้อน โดยเฉพาะเมื่อภาพถ่ายไม่ชัดเจน
สรุป
แม้เนื้องอกไม่ร้ายที่ไตจะพบได้น้อยกว่าเนื้องอกร้าย แต่ก็มีความสำคัญในการวินิจฉัยแยกโรคเพื่อลดการรักษาที่เกินจำเป็น ชนิดที่พบบ่อย ได้แก่ renal adenoma, renal oncocytoma และ angiomyolipoma ซึ่งมักไม่ก่ออาการและไม่กลายเป็นมะเร็ง แต่หากมีขนาดใหญ่หรือมีอาการ ควรได้รับการรักษาและติดตามอย่างเหมาะสม โดยอาศัยการวินิจฉัยด้วยภาพและการประเมินของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ