เนื้องอกที่ต่อมทอนซิล (Tonsillar tumors)
ต่อมทอนซิลเป็นต่อมน้ำเหลืองในช่องปากและคอหอย ทำหน้าที่สำคัญในการป้องกันการติดเชื้อ แบ่งออกเป็นหลายตำแหน่ง ได้แก่
- ตำแหน่ง A: ต่อมอดีนอยด์ (adenoid หรือ pharyngeal tonsil) อยู่ในโพรงหลังจมูก
- ตำแหน่ง B: ต่อมทอนซิลบริเวณหลังรูเปิดของท่อยูสเตเชียน (tubal tonsil) มีขนาดเล็ก
- ตำแหน่ง C: ต่อมทอนซิลที่เรารู้จักกันทั่วไป (palatine tonsil) อยู่สองข้างของโคนลิ้น ระหว่างซุ้มเพดานอ่อนหน้า–หลัง (anterior/posterior tonsillar pillars) เป็นตำแหน่งที่พบโรคบ่อยที่สุด
- ตำแหน่ง D: ต่อมทอนซิลใต้ลิ้น (lingual tonsil)
หน้าที่หลักของต่อมทอนซิลคือเสริมภูมิคุ้มกันเฉพาะที่ โดยกระตุ้นการสร้างแอนติบอดี (IgA, IgG) และกระตุ้นลิมโฟไซต์เพื่อตอบสนองต่อเชื้อโรคที่เข้าสู่ทางเดินหายใจและทางเดินอาหารส่วนบน ในเด็กมักมีทอนซิลโตตามวัย และจะค่อย ๆ เล็กลงเมื่อเป็นผู้ใหญ่
เนื้องอกไม่ร้ายที่ต่อมทอนซิล (Benign tonsillar tumors)
- ทอนซิลโตจากการอักเสบเรื้อรัง (Tonsillar hypertrophy) พบบ่อย เกิดจากการติดเชื้อซ้ำหรือภาวะแพ้ หากโตจนมีภาวะแทรกซ้อน เช่น กรน หยุดหายใจขณะหลับ หรือกลืนลำบาก ควรพิจารณาผ่าตัดต่อมทอนซิลออก (tonsillectomy)
- ถุงน้ำของต่อมทอนซิล (Tonsillar/epidermoid cyst, retention cyst) เป็นถุงน้ำผนังบาง ขนาดเล็ก ส่วนใหญ่ไม่เป็นอันตราย แต่หากโตมากอาจแตกและติดเชื้อซ้ำ ควรผ่าตัดเลาะออก
- ติ่งเนื้อ/หูดเยื่อบุ (Squamous papilloma) พบบ่อย บางรายเกี่ยวข้องกับ HPV ชนิดความเสี่ยงต่ำ การตัดออกมักหายขาด แต่ควรส่งตรวจพยาธิวิทยายืนยัน
- Hemangioma/Lymphangioma พบไม่บ่อย อาจมีเลือดออกง่าย รักษาได้ด้วยการเฝ้าดูอาการ เลเซอร์ ฉีดสารทำลายหลอดเลือด หรือผ่าตัด โอกาสกลายเป็นมะเร็งน้อยมาก
- เนื้องอกต่อมน้ำลายรอบทอนซิล (Pleomorphic adenoma) เป็นเนื้องอกไม่ร้าย ควรผ่าตัดออกพร้อมขอบปลอดโรคเพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำ แม้โอกาสกลายเป็นมะเร็งมีน้อย แต่หากปล่อยไว้นานอาจเกิด carcinoma ex pleomorphic adenoma ได้
เนื้องอกร้ายที่ต่อมทอนซิล (Malignant tonsillar tumors)
- Squamous Cell Carcinoma (SCC) พบมากที่สุด คิดเป็นราว 90% ของมะเร็งทอนซิลทั้งหมด และเป็นตำแหน่งที่พบบ่อยที่สุดของ SCC ในศีรษะ–คอ มักสัมพันธ์กับการติดเชื้อ HPV โดยเฉพาะชนิด HPV16 พบมากในเพศชาย อายุ 50–70 ปี ปัจจัยเสี่ยงได้แก่ การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ มีเพศสัมพันธ์ทางปากหลายคู่ หรือภูมิคุ้มกันบกพร่อง ชนิด HPV-positive ตอบสนองต่อการรักษาดีกว่าและมีอัตรารอดชีวิตสูงกว่า
- มะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่ทอนซิล พบรองจาก SCC ส่วนใหญ่เป็นชนิดบีเซลล์ เช่น Diffuse large B-cell lymphoma (DLBCL) หรือ Marginal zone/MALT lymphoma เด็กมักพบ Large cell lymphoma รักษาหลักคือเคมีบำบัดมาตรฐาน (เช่น R-CHOP) อาจร่วมกับรังสีรักษา
- มะเร็งต่อมน้ำลายบริเวณทอนซิล พบน้อย เช่น Mucoepidermoid carcinoma, Adenoid cystic carcinoma มีแนวโน้มกระจายตามเส้นประสาทและกลับเป็นซ้ำในระยะยาว
- ชนิดอื่นที่พบได้น้อยมาก เช่น เมลาโนมาของเยื่อบุ, ซาร์โคมา (leiomyosarcoma, rhabdomyosarcoma) หรือเนื้องอกประสาท พยากรณ์โรคขึ้นกับชนิดและระยะของโรค
อาการที่ควรสงสัยมะเร็งทอนซิล
มักเป็นก้อนข้างเดียว ไม่เจ็บ ไม่มีหนอง แต่มีแผลหรือเลือดออก ลักษณะแข็งและอาจลามไปเพดานอ่อน โคนลิ้น หรือกระพุ้งแก้ม อาการเตือน ได้แก่
- เจ็บคอข้างเดียวเรื้อรัง กลืนเจ็บ หรือกลืนลำบาก โดยเฉพาะเป็นนานเกิน 3–4 สัปดาห์
- ปวดร้าวหูข้างเดียว (referred otalgia) โดยตรวจหูปกติ
- ต่อมน้ำเหลืองที่คอโตโดยไม่ทราบสาเหตุ และไม่ยุบภายใน 2–3 สัปดาห์
- ต่อมทอนซิลสองข้างขนาดไม่เท่ากัน มีก้อนปุ่มป่ำที่ทอนซิล มีแผลเรื้อรัง เลือดออกง่าย หรือกลิ่นปากแรงผิดปกติ
- อ้าปากลำบาก/กรามติด (trismus), น้ำหนักลด อ่อนเพลีย เสียงเปลี่ยน
- ประวัติสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์มาก หรือมีความเสี่ยงรับเชื้อ HPV
หากมีอาการข้างต้น ควรพบแพทย์หูคอจมูกเพื่อประเมินโดยเร็ว
การตรวจวินิจฉัย
- ซักประวัติและตรวจร่างกายเฉพาะทาง ตรวจคอหอยด้วยไฟฉาย/กระจก ตรวจกล่องเสียงด้วยกล้องยืดหยุ่น (flexible nasoendoscopy)
- ภาพถ่ายรังสี CT หรือ MRI คอ พร้อมฉีดสารทึบรังสี เพื่อประเมินขอบเขตเนื้องอก การลุกลาม และต่อมน้ำเหลือง
- PET-CT ใช้ในกรณีสงสัยแพร่กระจายหรือหาต้นกำเนิด
- การตรวจชิ้นเนื้อ จากก้อนทอนซิลหรือก้อนที่คอ
- การทดสอบ p16/HPV (สำหรับ SCC) เพื่อประเมินพยากรณ์โรค
การแบ่งระยะของมะเร็ง SCC
- ระยะ I: อยู่เฉพาะในต่อมทอนซิล
- ระยะ II: ลุกลามไปเพดานอ่อน โคนลิ้น หรือกระพุ้งแก้ม
- ระยะ III: ลุกลามมากกว่า 3 บริเวณ หรือมีต่อมน้ำเหลืองโต
- ระยะ IV: แพร่ไปผิวหนังหรืออวัยวะไกล
แนวทางการรักษา
ระยะต้นอาจใช้ผ่าตัดหรือรังสี ระยะ II–IV ใช้รังสีเป็นหลัก ร่วมกับเคมีบำบัดหรือผ่าตัดเสริมในบางราย มะเร็งลุกลามหรือแพร่กระจายใช้การรักษาประคับประคอง เช่น เคมีบำบัด รังสี หรือภูมิคุ้มกันบำบัด (เช่น anti-PD-1, cetuximab) มะเร็งต่อมน้ำลายรักษาหลักคือผ่าตัดและรังสีเสริม ส่วนมะเร็งต่อมน้ำเหลืองใช้เคมีบำบัดเป็นหลัก
การฟื้นฟูรวมถึงกายภาพกล้ามเนื้อขากรรไกร/การกลืน การเลิกบุหรี่–แอลกอฮอล์ และการฉีดวัคซีน HPV ตามอายุที่เหมาะสม
สรุป
- ต่อมทอนซิลเป็นด่านป้องกันโรคสำคัญในช่องปากและคอหอย
- เนื้องอกไม่ร้ายพบได้บ่อยและมักปลอดภัย ความเสี่ยงกลายเป็นมะเร็งต่ำ
- มะเร็งที่พบบ่อยที่สุดคือ SCC โดยชนิด HPV-positive พยากรณ์ดีกว่า
- อาการเตือน ได้แก่ เจ็บคอเรื้อรัง ปวดร้าวหู ก้อนคอ แผลเรื้อรัง เลือดออกง่าย
- การวินิจฉัยต้องใช้การตรวจเฉพาะทาง รังสี และชิ้นเนื้อ พร้อมทดสอบ HPV/p16
- การรักษาใช้หลายสาขาร่วมกัน ขึ้นกับชนิดและระยะของโรค