เนื้องอกไม่ร้ายที่กระดูก (Benign bone tumors)
กระดูกประกอบด้วยชั้นคอร์ติคอล (cortical bone) และชั้นสปองจ์ (spongy bone) ภายในมีไขกระดูกอยู่ กระดูกยาวแบ่งออกเป็นส่วนเมตาฟิซิส (metaphysis), ไดอาฟิซิส (diaphysis) และเอพิฟิซิส (epiphysis) การเจริญเติบโตของกระดูกในเด็กเกิดจากการยืดตัวของแผ่นการเติบโต (physis) โดยมีการสร้างและสลายกระดูกอย่างสมดุล ความเข้าใจตำแหน่งเหล่านี้มีความสำคัญต่อการระบุว่าก้อนเนื้อมักเกิดบริเวณใด เช่น บางชนิดพบมากที่เมตาฟิซิส บางชนิดพบมากที่เอพิฟิซิส
ร่างกายมนุษย์มีกระดูก 206 ชิ้น ทำหน้าที่สร้างเม็ดเลือด เป็นจุดยึดเกาะของกล้ามเนื้อเพื่อการเคลื่อนไหว ปกป้องอวัยวะภายใน และเป็นโครงสร้างรับน้ำหนักของร่างกาย
เนื้องอกไม่ร้ายที่กระดูกพบได้ไม่บ่อย หลายชนิดตรวจพบโดยบังเอิญจากการถ่ายภาพรังสี เนื่องจากไม่มีอาการ ส่วนใหญ่พบในเด็กโต วัยรุ่น และวัยหนุ่มสาว ช่วงอายุ 10–30 ปี และพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิงประมาณ 2–3 เท่า
ปัจจัยเสี่ยง
- ประวัติพันธุกรรมหรือโรคบางชนิด เช่น fibrous dysplasia ที่สัมพันธ์กับกลุ่มอาการ McCune–Albright
- การใช้งานกระดูกหนักหรือการบาดเจ็บซ้ำ ๆ
ชนิดของเนื้องอก
- Osteoid osteoma พบมากในเด็กโตและวัยรุ่น (มักอายุต่ำกว่า 25 ปี) ชอบเกิดที่ไดอาฟิซิสหรือเมตาฟิซิสของกระดูกยาว เช่น โคนกระดูกต้นแขนและต้นขา บางครั้งพบที่ posterior elements ของกระดูกสันหลัง
ลักษณะพิเศษ: ก้อนขนาดเล็ก (< 1.5–2 ซม.) มี "nidus" เป็นจุดสร้างกระดูกที่เห็นชัดใน CT มีอาการปวดรุนแรงตอนกลางคืน และบรรเทาได้ด้วย NSAIDs หรือ aspirin
โอกาสกลายเป็นมะเร็ง: แทบไม่มี
- Osteoblastoma พบได้น้อย (~1% ของเนื้องอกกระดูกทั้งหมด) มักเกิดในวัยรุ่นถึงวัยผู้ใหญ่ตอนต้น ชอบอยู่ที่ posterior elements ของกระดูกสันหลัง (30–40%) อาจเกิดที่กระดูกยาว (เมตา/ไดอาฟิซิส) หรือขากรรไกร
ลักษณะพิเศษ: ขนาดใหญ่และรูปร่างไม่สม่ำเสมอ อาจมีพฤติกรรม locally aggressive การวินิจฉัยต้องใช้พยาธิวิทยาร่วมกับภาพรังสี
โอกาสกลายเป็นมะเร็ง: น้อยมาก แต่อาจมีรูปแบบก้าวร้าวที่ต้องรักษาเข้มข้น
- Unicameral (Simple) bone cyst พบบ่อยในเด็กและวัยรุ่น ~90% พบที่ proximal humerus รองลงมาคือ proximal femur และ proximal tibia
ลักษณะพิเศษ: เป็นโพรงในกระดูกที่มีของเหลว เสี่ยงต่อการหักง่าย กระดูกหักมักเป็นอาการแรก
โอกาสกลายเป็นมะเร็ง: ไม่มี
- Aneurysmal bone cyst (ABC) พบบ่อยในเด็กและวัยรุ่น โตเร็ว พบที่ metaphysis ของกระดูกยาว (distal femur, proximal tibia, proximal humerus) และกระดูกสันหลัง
ลักษณะพิเศษ: เป็นก้อนที่มีช่องเลือดหลายช่อง (multiloculated) เห็น fluid–fluid levels ใน MRI/CT อาจทำให้ปวด บวม หรือกระดูกหัก
โอกาสกลายเป็นมะเร็ง: ไม่มี แต่อาจดูคล้ายมะเร็งในบางกรณี
- Fibrous dysplasia เป็นความผิดปกติของการสร้างกระดูกที่มักเริ่มตั้งแต่วัยเด็ก อาจเป็นแบบ monostotic หรือ polyostotic พบบ่อยที่กระดูกยาว กะโหลก/ใบหน้า และกระดูกเชิงกราน
ลักษณะพิเศษ: เนื้อเยื่อกระดูกถูกแทนที่ด้วยพังผืดผสมกระดูกผิดรูป ทำให้ปวดหรือรูปร่างผิดปกติ
โอกาสกลายเป็นมะเร็ง: น้อยมาก พบในกลุ่ม polyostotic และผู้ที่เคยได้รับรังสีรักษา
- เนื้องอกไม่ร้ายที่กระดูกอื่น ๆ
- Non-ossifying fibroma: พบในเด็กและวัยรุ่น เกิดที่ metaphysis ของกระดูกยาว มักหายได้เองเมื่อโตขึ้น ไม่มีแนวโน้มกลายเป็นมะเร็ง
- Osteoma & Enostosis (bone island): พบในผู้ใหญ่ เป็นก้อนกระดูกแข็งที่กะโหลกหรือใบหน้า (osteoma) หรือจุดกระดูกหนาแน่นในกระดูก (enostosis) มักไม่ต้องรักษาหากไม่มีอาการ
อาการสำคัญ
- คลำได้ก้อนแข็ง มักเป็นอาการเริ่มแรก
- กระดูกผิดรูป พบในเด็กที่กระดูกยังเจริญเติบโต
- ปวด เป็นอาการปวดลึก ๆ ในขณะอยู่นิ่ง ซึ่งต่างจากการบาดเจ็บและการอักเสบที่มักปวดเมื่อใช้งานอวัยวะส่วนนั้น และอาการปวดจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามระยะเวลาเมื่อเนื้องอกมีการเติบโตและทำลายกระดูกมากขึ้น เนื้องอกบางชนิด เช่น Osteoid osteoma จะหลั่งสาร prostaglandin E2 ออกมาเป็นจำนวนมาก ทำให้มีอาการปวดรุนแรง โดยเฉพาะเวลากลางคืน แต่ทุเลาได้ด้วยยา aspirin
- กระดูกหักง่าย เพราะกระดูกอ่อนแอ
- พบโดยบังเอิญจากภาพเอกซเรย์ ส่วนใหญ่พบในเนื้องอกไม่ร้ายที่หยุดการเจริญเติบโตแล้ว
การตรวจวินิจฉัย
แม้ว่าการตรวจชิ้นเนื้อจะเป็นมาตรฐานในการยืนยันโรค แต่เนื้องอกของกระดูกบางชนิดสามารถคาดเดาได้จากอายุ ตำแหน่ง และภาพรังสี
การตรวจเพิ่มเติม
- CT — เห็นโครงสร้างกระดูกและ nidus ชัดเจน
- MRI — ประเมินการลุกลามต่อเนื้อเยื่ออ่อนและข้อ
- Bone scan — บางชนิดเช่น osteoid osteoma มี uptake สูง
- Biopsy — ใช้เมื่อภาพไม่ชัดเจนหรือสงสัยมะเร็ง
การรักษาตามระยะของเนื้องอก
เนื้องอกไม่ร้ายที่กระดูก แบ่งเป็น 3 ระยะตามพฤติกรรมการเติบโตและการรักษา
- ระยะที่ 1 Latent: ก้อนอยู่ในกระดูก โตช้ามากหรือหยุดโต อาจหายเอง หรือรักษาหายด้วยการผ่าตัดก้อนออกไป
- ระยะที่ 2 Active: มีการทำลายกระดูกแต่ยังไม่ทะลุ อาจมีอาการปวดเล็กน้อย รักษาด้วยการผ่าตัดและใส่ซีเมนต์กระดูก
- ระยะที่ 3 Aggressive: ทำลายกระดูกและทะลุออกนอกกระดูก ปวดมาก ต้องผ่าตัดกว้างและอาจใช้ bone graft หรือ endoprosthesis
- Osteoid osteoma บางตำแหน่งรักษาได้ด้วย CT-guided radiofrequency ablation (RFA) แทนการผ่าตัด
- เนื้องอกที่เสี่ยงกลับซ้ำสูง อาจใช้ phenol หรือ liquid nitrogen เพื่อลดการกลับซ้ำ
- ABC บางกรณีใช้การฉีดสเตียรอยด์หรืออุดหลอดเลือด (embolization) ก่อนผ่าตัด
- Fibrous dysplasia รักษาตามอาการ ผ่าตัดเมื่อเกิด deformity หรือ fracture ซ้ำ
หลังรักษาควรติดตามภาพรังสีและฟื้นฟูสมรรถภาพ
สรุป
เนื้องอกไม่ร้ายของกระดูกมีหลายชนิด แม้ส่วนใหญ่ไม่กลายเป็นมะเร็ง แต่มีความแตกต่างด้านพฤติกรรมและอาการ ตั้งแต่ไม่มีอาการจนถึงปวดหรือเสี่ยงกระดูกหัก การวินิจฉัยที่แม่นยำต้องอาศัยประวัติ ตรวจร่างกาย ภาพรังสี และชิ้นเนื้อ การรักษาควรออกแบบเฉพาะรายโดยทีมสหสาขาเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด