เนื้องอกร้ายที่ปอด (Malignant lung tumors)

เนื้องอกร้ายที่ปอดอาจมีกำเนิดมาจากภายในปอดเอง (primary lung cancer) ซึ่งพบได้มากกว่า หรือเป็นเนื้อร้ายที่กระจายมาจากอวัยวะอื่น (metastatic lung cancer) เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งไต โดยทั่วไปหากพบก้อนเดี่ยวในปอดมักเป็นมะเร็งของปอดเอง แต่หากพบหลายก้อน มักเป็นมะเร็งที่กระจายมาจากที่อื่น

มะเร็งของปอดส่วนใหญ่มีจุดกำเนิดจากเยื่อบุหลอดลม ในประเทศไทยพบมะเร็งปอดเป็นอันดับสองรองจากมะเร็งตับ หนึ่งในปัจจัยหลักคือจำนวนผู้สูบบุหรี่หรือเคยสูบบุหรี่ที่ยังมีอยู่จำนวนมาก ในขณะที่ประเทศที่มีการรณรงค์เลิกบุหรี่อย่างต่อเนื่อง อัตราการเกิดมะเร็งปอดมีแนวโน้มลดลงเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม กลับพบว่าอัตราการเกิดมะเร็งปอดในเพศหญิงเพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับเพศชาย ซึ่งอาจเกิดจากการได้รับควันบุหรี่มือสอง หรือมลภาวะในสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ โดยแม้ผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ก็ยังสามารถเป็นมะเร็งปอดได้

ชนิดของมะเร็งปอด

  1. Non-small cell lung cancer (NSCLC): มะเร็งปอดชนิดไม่ใช่เซลล์เล็ก — พบประมาณ 80–85% ของมะเร็งปอดทั้งหมด แบ่งออกเป็น:
    • Adenocarcinoma: พบบ่อยที่สุดใน NSCLC โดยเฉพาะในผู้หญิงและผู้ที่ไม่สูบบุหรี่
    • Squamous cell carcinoma: มักพบในผู้ที่สูบบุหรี่
    • Large cell carcinoma: พบได้น้อย เติบโตเร็ว เซลล์มีขนาดใหญ่ ไม่สามารถจำแนกเป็นชนิดเฉพาะ
  2. Small cell lung cancer (SCLC): มะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก — พบประมาณ 10–15% ของมะเร็งปอดทั้งหมด

ระยะของมะเร็งปอด

ระยะของมะเร็งปอดชนิดไม่ใช่เซลล์เล็ก แบ่งเป็น 4 ระยะคือ

  • ระยะที่ I ยังไม่มีการกระจายไปยังต่อมน้ำเหลือง
  • ระยะที่ II มีการกระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองที่ขั้วปอดหรือที่ผนังทรวงอก
  • ระยะที่ III เซลล์มะเร็งกระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองในบริเวณอื่นที่ห่างจากปอด หรือบริเวณช่องกลางอก (mediastinum) หรือปอดอีกข้างหนึ่ง หรือต่อมน้ำเหลืองเหนือกระดูกไหปลาร้า หรือมีเนื้องอกมากกว่า 1 ก้อนในปอด หรือมีของเหลวที่มีเซลล์มะเร็งอยู่ในช่องอก
  • ระยะที่ IV มีการกระจายไปอวัยวะอื่นที่ไกลออกไป เช่น ตับ กระดูก สมอง

ระยะของมะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก แบ่งเป็น 2 ระยะ ได้แก่

  • ระยะจำกัด (Limited stage) อยู่เฉพาะในบริเวณปอดเท่านั้น
  • ระยะแพร่กระจาย (Extensive stage) ไปยังส่วนอื่นของร่างกาย


ลักษณะเฉพาะของมะเร็งปอดแต่ละชนิด

1. Adenocarcinoma

มะเร็งปอดชนิดนี้พบมากที่สุดในปัจจุบัน โดยเฉพาะในผู้หญิงและผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ มักเกิดบริเวณรอบนอกของปอด เจริญเติบโตช้ากว่าชนิดอื่น แต่สามารถแพร่กระจายได้ตั้งแต่ระยะต้น มีความเกี่ยวข้องกับการกลายพันธุ์ของยีน เช่น EGFR, ALK, KRAS และ ROS1

การรักษา: ขึ้นอยู่กับระยะของโรค หากพบตั้งแต่ระยะแรก อาจรักษาโดยการผ่าตัดร่วมกับเคมีบำบัดหรือการฉายแสง สำหรับระยะแพร่กระจาย อาจใช้ targeted therapy เช่น EGFR inhibitors, immunotherapy หรือเคมีบำบัด

การพยากรณ์โรค: โดยรวมถือว่าดีกว่าชนิดอื่น โดยเฉพาะในรายที่ตรวจพบตั้งแต่ระยะแรก หรือมีการกลายพันธุ์ของยีนที่ตอบสนองต่อยามุ่งเป้า

2. Squamous Cell Carcinoma

พบได้บ่อยในผู้ที่สูบบุหรี่จัด มีจุดเริ่มต้นจากเยื่อบุทางเดินหายใจ มักเกิดบริเวณศูนย์กลางของปอดหรือหลอดลมใหญ่ใกล้ขั้วปอด เติบโตเร็ว อาจทำให้เกิดอาการอุดตันหลอดลมหรือไอเป็นเลือด อาการที่พบบ่อย ได้แก่ ไอเรื้อรัง และเสมหะมีเลือดปน

การรักษา: ขึ้นกับระยะโรค เช่น การผ่าตัด การฉายแสง เคมีบำบัด และอาจมีการใช้ immunotherapy ในบางกรณี

การพยากรณ์โรค: อยู่ในระดับปานกลางถึงแย่ ขึ้นอยู่กับว่าพบโรคในระยะใด

3. Large Cell Carcinoma

เป็นมะเร็งที่ไม่สามารถจำแนกได้ว่าเป็น adenocarcinoma หรือ squamous cell carcinoma เซลล์มีขนาดใหญ่ โตเร็ว และแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว การวินิจฉัยมักต้องใช้ตัวอย่างเนื้อเยื่อขนาดใหญ่และกระบวนการแยกแยะจากชนิดอื่น (exclusion diagnosis)

การรักษา: ส่วนใหญ่อาศัยเคมีบำบัดและ/หรือการฉายแสง โดยทั่วไป targeted therapy มักไม่ได้ผล

การพยากรณ์โรค: ค่อนข้างแย่เนื่องจากการเติบโตและแพร่กระจายที่รวดเร็ว

4. Small cell lung cancer (SCLC)

เป็นมะเร็งที่มีความรุนแรงสูงและโตเร็วมาก เกือบทั้งหมดสัมพันธ์กับการสูบบุหรี่ มักเกิดบริเวณใกล้ขั้วปอด และมักแพร่กระจายไปยังสมอง ตับ และกระดูก ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น

การรักษา: ใช้เคมีบำบัดและการฉายแสงเป็นหลัก เนื่องจากมักไม่สามารถผ่าตัดได้

การพยากรณ์โรค: แย่ที่สุดในบรรดามะเร็งปอด แม้จะตอบสนองดีต่อเคมีบำบัดในช่วงแรก แต่มีแนวโน้มกลับมาเป็นซ้ำสูง

สรุป

เนื้องอกร้ายที่ปอดสามารถแบ่งได้เป็น primary และ metastatic โดย primary lung cancer พบบ่อยกว่า และมีหลายชนิดที่แตกต่างกันในแง่ของพฤติกรรมการเจริญเติบโต การแพร่กระจาย และการตอบสนองต่อการรักษา การวินิจฉัยตั้งแต่ระยะแรก ร่วมกับการเลือกวิธีรักษาเฉพาะรายตามลักษณะทางพันธุกรรมของเนื้องอก เป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งปอด