เนื้องอกไม่ร้ายที่มดลูก (Benign uterine tumors)

มดลูก (uterus) เป็นอวัยวะในอุ้งเชิงกรานของเพศหญิง ตั้งอยู่ระหว่างกระเพาะปัสสาวะและลำไส้ตรง ลักษณะคล้ายผลชมพู่คว่ำ ภายในมีโพรงมดลูกซึ่งแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ ส่วนบนที่กว้าง เรียกว่า ตัวมดลูก เป็นที่ฝังตัวและเจริญเติบโตของทารก และส่วนล่างที่คอดเรียกว่า ปากมดลูก ซึ่งมีผนังหนาและแข็งแรง ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้ทารกที่ยังไม่โตเต็มที่หลุดออกมา

ผนังมดลูกประกอบด้วยเนื้อเยื่อ 2 ชั้นสำคัญ ได้แก่

  • เยื่อบุโพรงมดลูก (Endometrium) — ชั้นในสุดที่เปลี่ยนแปลงตามระดับฮอร์โมนในร่างกาย หญิงวัยเจริญพันธุ์จะมีเยื่อบุหนาตัวขึ้นทุกเดือนเพื่อเตรียมรับไข่ที่ปฏิสนธิ หากไม่มีการตั้งครรภ์ เยื่อบุนี้จะหลุดลอกออกเป็นประจำเดือน มะเร็งมดลูกส่วนใหญ่เกิดในชั้นนี้ จึงเรียกว่า "Endometrial cancer"
  • ชั้นกล้ามเนื้อมดลูก (Myometrium) — ชั้นนอกที่สามารถขยายตัวได้มากในระหว่างตั้งครรภ์เพื่อรองรับทารก เนื้องอกไม่ร้ายส่วนใหญ่เกิดในชั้นนี้ เรียกว่า Myoma uteri, Leiomyoma หรือ Uterine fibroid

เนื้องอกไม่ร้ายที่มดลูกพบได้บ่อยกว่ามะเร็งมดลูก โดยประมาณ 1 ใน 4 ของผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์จะมีเนื้องอกชนิดนี้ในช่วงหนึ่งของชีวิต การเติบโตของก้อนสัมพันธ์กับระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน เช่น ขณะตั้งครรภ์ก้อนมักโตขึ้น และจะยุบลงหลังคลอด รวมถึงในช่วงหลังหมดประจำเดือนที่ระดับเอสโตรเจนลดต่ำ ก้อนมักฝ่อตัวเล็กลง

ปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ได้แก่ ภาวะอ้วน การมีบุตรน้อยหรือไม่เคยตั้งครรภ์ (nulliparity) และพันธุกรรม/ประวัติครอบครัว

ชนิดของเนื้องอกไม่ร้ายที่มดลูก

1. Leiomyoma (Fibroid)

เป็นเนื้องอกของกล้ามเนื้อมดลูก พบบ่อยที่สุดในบรรดาเนื้องอกที่มดลูกทั้งหมด อาจเป็นก้อนเดี่ยวหรือหลายก้อน และอาจมีขนาดใหญ่มากจนทำให้มดลูกขยายใหญ่ ก้อนอาจโตออกนอกตัวมดลูกหรือยื่นเข้าไปในโพรงมดลูกก็ได้

โอกาสกลายเป็นมะเร็ง: น้อยมาก แต่มีบางกรณีที่ต้องเฝ้าระวัง เช่น STUMP (Smooth muscle tumor of uncertain malignant potential)

2. Endometrial polyp

เป็นติ่งเนื้อของเยื่อบุโพรงมดลูก พบได้บ่อย โดยเฉพาะในผู้ที่มีภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล ใช้ฮอร์โมนบางชนิด หรืออยู่ในวัยใกล้หมดประจำเดือน

โอกาสกลายเป็นมะเร็ง: ต่ำ แต่ในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีเลือดออกผิดปกติและมีปัจจัยเสี่ยง ควรตัดชิ้นเนื้อตรวจเพื่อความแน่ชัด

3. Adenomyosis

เกิดจากเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญแทรกเข้าไปในชั้นกล้ามเนื้อ ทำให้มดลูกขยายและหดตัวผิดปกติ มักพบในหญิงที่เคยคลอดบุตรหรือเคยทำหัตถการในมดลูก

โอกาสกลายเป็นมะเร็ง: ไม่มี

4. เนื้องอกไม่ร้ายอื่นๆ และที่ต้องเฝ้าระวัง

  • STUMP — เนื้องอกกล้ามเนื้อเรียบที่ไม่แน่ชัดว่าร้ายหรือไม่ ต้องวินิจฉัยและติดตามใกล้ชิด
  • Benign mixed Müllerian tumors / fibroleiomyoma — พบได้น้อย
  • เนื้องอกปากมดลูกบางชนิด เช่น cervical polyp มักเป็นชนิดไม่ร้าย

ภาพรวม: เนื้องอกไม่ร้ายที่มดลูกส่วนใหญ่มีโอกาสกลายเป็นมะเร็งต่ำ แต่การตรวจชิ้นเนื้อและการติดตามอาการยังมีความสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อมีปัจจัยเสี่ยงหรืออาการผิดปกติ



อาการที่พบบ่อย

  • เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด — เช่น ประจำเดือนมามาก (menorrhagia), มีลิ่มเลือด, เลือดออกนอกรอบเดือน อาจทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง
  • ปวดท้องน้อยหรือปวดหลัง — เกิดจากการกดเบียดหรือการหดตัวของมดลูก โดยเฉพาะในช่วงมีประจำเดือนหรือขณะมีเพศสัมพันธ์
  • รู้สึกแน่นหรือคลำได้ก้อนในอุ้งเชิงกราน
  • ปัญหาการมีบุตร — โดยเฉพาะถ้าก้อนอยู่ในโพรงมดลูกหรือมีติ่งเนื้อ อาจทำให้แท้งง่าย
  • อาการจากการกดทับอวัยวะข้างเคียง — เช่น ปัสสาวะบ่อยหรือท้องผูก เมื่อก้อนมีขนาดใหญ่

โดยทั่วไป fibroid ในโพรงมดลูกไม่ค่อยส่งผลเสียต่อการตั้งครรภ์ แต่บางรายอาจต้องผ่าคลอดเพราะก้อนขวางทางหรือทำให้ทารกอยู่ผิดท่า

การตรวจวินิจฉัย

  1. ซักประวัติและตรวจร่างกายโดยสูตินรีแพทย์ — ตรวจการกดเจ็บ และตรวจหาขนาดมดลูกหรือก้อน
  2. อัลตราซาวด์ทางช่องคลอด (Transvaginal ultrasound) — เป็นการตรวจขั้นต้นสำหรับการมองเห็น fibroid และ polyp
  3. MRI — ใช้ในกรณีภาพอัลตราซาวด์ไม่ชัด หรือวางแผนผ่าตัด/รักษา (เช่น ประเมินตำแหน่ง/ขนาด/จำนวน)
  4. Hysteroscopy — ส่องตรวจโพรงมดลูก และสามารถตัดติ่งเนื้อหรือก้อน submucosal fibroid ได้
  5. Endometrial biopsy — ตัดชิ้นเนื้อที่เยื่อบุ ใช้แยกโรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก
  6. ตรวจเลือด — เช่น CBC เพื่อตรวจภาวะซีด


แนวทางการรักษา

การเลือกวิธีรักษาขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น ขนาดและตำแหน่งของเนื้องอก อาการของผู้ป่วย ความต้องการมีบุตร อายุ และความเสี่ยง/ผลข้างเคียงของการรักษา

  1. การติดตามและเฝ้าระวัง เหมาะกับผู้ที่อาการน้อยหรือก้อนเล็ก ติดตามด้วยอัลตราซาวด์ทุก 3-6 เดือน ก้อนอาจฝ่อตัวลงไปเอง
  2. การใช้ยา
    • Levonorgestrel (LNG-IUS) — ห่วงอนามัยที่ปล่อยฮอร์โมน ช่วยลดเลือดประจำเดือน
    • ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม — เพื่อควบคุมรอบเดือน
    • GnRH agonists — ลดขนาดก้อนชั่วคราว ใช้ก่อนผ่าตัด แต่ไม่ควรเกิน 6 เดือนเพราะทำให้มวลกระดูกลดลง
    • ยาบรรเทาอาการ เช่น ยาแก้ปวด
  3. หัตถการรังสี
    • Uterine artery embolization (UAE) — อุดหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงก้อน ทำให้ก้อนฝ่อ เหมาะกับผู้ที่ต้องการเก็บมดลูกและไม่ผ่าตัดใหญ่
    • MR-guided focused ultrasound (MRgFUS) — ใช้ Laser หรือคลื่นเสียงความถี่ต่ำทำให้ก้อนฝ่อ ผ่านเข็มที่แทงเข้าไปในก้อนโดยมี MRI นำทาง
  4. การผ่าตัด
    • Myomectomy — ตัดเฉพาะก้อน เหมาะกับผู้ที่ยังต้องการมีบุตร แต่มีโอกาสกลับเป็นซ้ำ
    • Hysterectomy — ตัดมดลูก เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการมีบุตรอีก และมีอาการมากหรือก้อนใหญ่
    • Hysteroscopic resection — ตัดติ่งเนื้อหรือก้อนในโพรงมดลูกผ่านกล้อง

หลังการรักษาควรติดตามอาการและทำการตรวจรังสีเป็นระยะเพื่อประเมินผลและป้องกันภาวะแทรกซ้อน

สรุป

เนื้องอกไม่ร้ายที่มดลูกเป็นภาวะที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะ leiomyoma และ endometrial polyp ซึ่งอาจทำให้มีเลือดออกผิดปกติหรืออาการจากการกดเบียด โอกาสกลายเป็นมะเร็งต่ำ การวินิจฉัยต้องใช้การซักประวัติ ตรวจร่างกาย และตรวจภาพรังสี บางกรณีต้องส่องมดลูกและตัดชิ้นเนื้อตรวจ การรักษามีหลายวิธี ตั้งแต่เฝ้าระวัง ใช้ยาควบคุมฮอร์โมน หัตถการรังสี ไปจนถึงการผ่าตัด ขึ้นอยู่กับลักษณะก้อน อาการ และความต้องการของผู้ป่วย