มะเร็งไต (Renal cancer)

มะเร็งไตพบได้ประมาณ 2-3% ของมะเร็งทั้งหมดในผู้ใหญ่ มักพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง และส่วนใหญ่เกิดในช่วงอายุ 50-70 ปี

ปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มโอกาสเกิดมะเร็งไต ได้แก่:

  • การสูบบุหรี่
  • โรคอ้วน
  • ความดันโลหิตสูง
  • โรคทางพันธุกรรมบางชนิด เช่น Von Hippel-Lindau syndrome, Tuberous sclerosis
  • ภาวะไตวายเรื้อรังและการฟอกไตระยะยาว
  • ภาวะไตสองข้างไม่แยกจากกันตั้งแต่กำเนิด (Horseshoe kidney)

ชนิดของมะเร็งไต

มะเร็งไตมีหลายชนิด โดยแต่ละชนิดมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน ดังนี้:

1. Renal Cell Carcinoma (RCC)

คิดเป็นประมาณ 90% ของมะเร็งไตทั้งหมด มักพบในเพศชาย อายุ 60 ปีขึ้นไป (น้อยมากที่จะพบในเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี) โดยสามารถแบ่งย่อยได้เป็น:

  • Clear cell carcinoma
  • Papillary renal cell carcinoma
  • Chromophobe renal cell carcinoma – โตช้าและมักรุนแรงน้อยที่สุด
  • Collecting duct carcinoma

นอกจากนี้ RCC อาจพบร่วมกับ sarcoma ได้

ลักษณะก้อน: โดยมากเป็นก้อนเดี่ยว ขนาดใหญ่ โตช้า อาจมีเลือดออกภายใน
อาการ: ปัสสาวะเป็นเลือด ปวดชายโครง มีก้อนคลำได้ที่ท้อง อาจมีไข้และน้ำหนักลด
พยากรณ์โรค: หากตรวจพบเร็วและยังไม่แพร่กระจาย พยากรณ์โรคดี แต่หากลุกลามไปยังหลอดเลือดหรืออวัยวะอื่น การรักษาจะยากขึ้นและพยากรณ์โรคจะลดลง

2. Wilms Tumor (Nephroblastoma)

เป็นมะเร็งไตชนิดที่พบในเด็ก คิดเป็นประมาณ 90% ของมะเร็งไตในวัยเด็ก โดยเฉพาะอายุ 3-5 ปี (พบน้อยมากในคนอายุมากกว่า 20 ปี) มะเร็งชนิดนี้มีความสัมพันธ์กับกลุ่มอาการบางอย่าง เช่น WAGR syndrome, Beckwith-Wiedemann syndrome โดยเด็กจะมีความผิดปกติอื่น ๆ ของกลุ่มอาการเหล่านี้ร่วมด้วย

ลักษณะก้อน: โตเร็ว มักมีขนาดใหญ่จนเห็นได้ชัด เด็กหรือผู้ปกครองจะสังเกตว่าท้องโต มีก้อนในช่องท้อง มีเพียง 25% เท่านั้นที่มีอาการปวดท้องหรือปัสสาวะเป็นเลือด
พยากรณ์โรค: ตอบสนองดีต่อการรักษา หากตรวจพบเร็วจะมีอัตรารอดชีวิตสูง อย่างไรก็ตาม ในระยะลุกลามมักแพร่กระจายไปที่ปอด



3. Urothelial Carcinoma of the Renal Pelvis

เป็นมะเร็งของเซลล์เยื่อบุกรวยไต พบประมาณ 5-10% ของมะเร็งไตทั้งหมด มักพบในผู้สูงอายุ

ปัจจัยเสี่ยงหลัก ได้แก่ การสูบบุหรี่ และการสัมผัสสารเคมี เช่น สีย้อมผ้า ยาง พลาสติก อลูมิเนียม และยาฆ่าแมลงเป็นเวลานาน

ลักษณะก้อน: เกิดที่กรวยไตหรือท่อไต มีแนวโน้มแพร่กระจายเร็ว
อาการ: ปัสสาวะเป็นเลือด ปวดข้างเอว หรือมีปัญหาในการปัสสาวะ
พยากรณ์โรค: พยากรณ์โรคแปรผันตามระยะของโรค หากพบในระยะแรกมีโอกาสรักษาหายสูง

4. มะเร็งไตอื่น ๆ

เป็นกลุ่มที่พบได้น้อย แต่มีความรุนแรง เช่น:

  • Medullary carcinoma: มักพบในผู้ที่มีเชื้อสายแอฟริกัน และสัมพันธ์กับโรค Sickle cell disease
  • Renal sarcoma
  • Small cell carcinoma of kidney

การวินิจฉัย

หากพบก้อนเนื้อที่ไตจากการเอกซเรย์หรืออัลตราซาวด์ แพทย์จะใช้ภาพจาก CT-scan หรือ MRI เพื่อประเมินลักษณะและการแทรกซึมของก้อน หากภาพรังสีแสดงลักษณะชัดเจนว่าเป็นเนื้อร้าย อาจไม่จำเป็นต้องเจาะชิ้นเนื้อทันที

แพทย์จะซักประวัติ ตรวจร่างกาย ตรวจปัสสาวะ เลือด เอกซเรย์ปอด และ Bone scan เพื่อประเมินระยะของโรค และตัดสินใจว่าจะเจาะชิ้นเนื้อหรือไม่ โดยทั่วไปจะใช้เครื่องอัลตราซาวด์หรือ CT เพื่อระบุตำแหน่งก่อนทำการเจาะ



แนวทางการรักษา

ก่อนเริ่มการรักษา แพทย์จะต้องตรวจสอบการทำงานของไตข้างที่ไม่ได้เป็นโรค และอาจทำ Renal angiography เพื่อดูตำแหน่งของหลอดเลือดที่มาเลี้ยงไตและเนื้องอก

แนวทางการรักษามีหลายวิธี ได้แก่:

  • การผ่าตัด: เป็นวิธีหลัก โดยอาจผ่าตัดเฉพาะก้อน หรือไตทั้งข้าง (Radical nephrectomy)
  • การอุดเส้นเลือดแดงที่ไปเลี้ยงเนื้องอก (Arterial embolization): เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถรับการผ่าตัดได้
  • การใช้ยา Targeted Therapy: เช่น ยาต้าน VEGF หรือ mTOR inhibitors สำหรับมะเร็งระยะแพร่กระจาย
  • ภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy): เช่น การใช้ Immune checkpoint inhibitors
  • เคมีบำบัด: ใช้ในมะเร็งบางชนิด เช่น Wilms tumor ในเด็ก
  • การฉายรังสี: ใช้เสริมในกรณีที่มีการแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น

โดยทั่วไป ผลการรักษา Wilms tumor จะดีกว่า RCC แม้ก้อนเริ่มต้นจะมีขนาดใหญ่ เนื่องจากตอบสนองดีต่อทั้งเคมีบำบัดและรังสีรักษา

สรุป

มะเร็งไตเป็นภาวะที่ควรได้รับการวินิจฉัยและรักษาโดยเร็ว โดยเฉพาะเมื่อมีอาการบ่งชี้ เช่น ปัสสาวะเป็นเลือดหรือปวดบริเวณเอว หากตรวจพบในระยะแรก โอกาสในการรักษาหายจะสูง ปัจจุบันมีแนวทางการรักษาหลากหลายที่สามารถปรับให้เหมาะกับผู้ป่วยแต่ละราย โดยต้องอาศัยการดูแลจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ