การวินิจฉัยเนื้องอกที่ตับ
ปัจจุบันเนื้องอกที่ตับมักตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจสุขภาพประจำปี เช่น การอัลตราซาวด์ช่องท้อง หรือการตรวจภาพถ่ายรังสีจากอาการอื่น เช่น ปวดท้อง แน่นท้อง หรือการตรวจโรคอื่นๆ
มีรายงานว่า มากกว่า 50% ของผู้ที่ตรวจพบเนื้องอกที่ตับ ไม่เคยมีอาการผิดปกติใดๆ มาก่อน และมักพบครั้งแรกจากการตรวจสุขภาพประจำปี ซึ่งการตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้องสามารถตรวจพบก้อนได้ตั้งแต่ขนาด 1-2 เซนติเมตร
ลักษณะที่สงสัยว่าเป็นเนื้องอกร้าย/ไม่ร้าย
เมื่อพบก้อนที่ตับ แพทย์จะประเมินลักษณะหลายอย่างจากภาพถ่ายรังสีเพื่อแยกชนิดของเนื้องอกว่าเป็นแบบไม่ร้าย หรือมีแนวโน้มเป็นมะเร็งตับ
- ลักษณะที่สงสัยว่าเป็นเนื้องอกร้าย:
- มีขอบไม่เรียบ
- มีการไหลเวียนของเลือดผิดปกติในก้อน
- พบในผู้ที่มีโรคตับเรื้อรัง หรือไวรัสตับอักเสบ B/C
- ค่า AFP (Alpha-Fetoprotein) ในเลือดสูงกว่าปกติ
- ลักษณะที่มักเป็นเนื้องอกไม่ร้าย:
- พบในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ที่ไม่มีโรคตับเรื้อรัง
- ก้อนมีขอบเรียบ สม่ำเสมอ
- ไม่มีอาการ ไม่มีค่าเลือดผิดปกติ
- มีลักษณะเฉพาะเจาะจงบนภาพ MRI เช่น central scar ของ FNH หรือลักษณะเติมสารทึบรังสีเฉพาะของ hemangioma
การตรวจสนับสนุน:
- อัลตราซาวด์ (Ultrasound): ใช้ตรวจคัดกรองเบื้องต้น
- CT Scan และ MRI: ให้ภาพที่ชัดเจน ช่วยแยกลักษณะของก้อนว่าเป็นชนิดใด โดย MRI มีความจำเพาะสูงกว่าสำหรับเนื้องอกบางชนิด
- ตรวจเลือด: ค่า AFP ช่วยประเมินโอกาสเป็นมะเร็งตับ
แนวทางการวินิจฉัยเมื่อพบจากเอกซเรย์
เมื่อพบก้อนที่ตับจากอัลตราซาวด์หรือเอกซเรย์ แนวทางการวินิจฉัยและการติดตามจะขึ้นกับลักษณะของก้อน ขนาด และความเสี่ยงของผู้ป่วย ดังนี้:
1. ลักษณะก้อนจากอัลตราซาวด์
- จำเพาะว่าเป็นเนื้องอกไม่ร้าย: ไม่จำเป็นต้อง biopsy สามารถติดตามต่อ
- จำเพาะว่าเป็นเนื้องอกร้าย: ทำ PET Scan ดูการแพร่กระจาย
- ไม่จำเพาะ: ดูขนาดต่อ
2. ขนาดก้อน
- ขนาด < 1 ซม.: ติดตามด้วยอัลตราซาวด์ทุก 6 เดือน
- ขนาด 1–3 ซม.: ตรวจ MRI หรือ CT ถ้าลักษณะไม่แน่ชัดให้ติดตามต่อ
- ขนาด > 3 ซม.: ทำ CT/MRI แบบฉีดสี เพื่อดูลักษณะก้อนให้ละเอียด ถ้าลักษณะยังไม่จำเพาะ → ทำ biopsy เพื่อยืนยัน
3. ความเสี่ยงมะเร็งสูงขึ้นเมื่อ
- AFP > 200 ng/ml
- มีตับแข็ง หรือไวรัสตับอักเสบเรื้อรัง
- มีประวัติมะเร็งตับในครอบครัว
4. ชนิดของการติดตาม
- LFT+AFP+อัลตราซาวด์ หรือ MRI ทุก 3–6 เดือนในปีแรก
- ถ้าก้อนคงที่ อาจเว้นระยะตรวจเป็นปีละครั้ง
- หากมีการโตเร็วหรือเปลี่ยนรูปร่าง ควรทำ CT หรือ biopsy
สรุป
เนื้องอกที่ตับส่วนใหญ่ตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจสุขภาพหรือการตรวจร่างกายด้วยสาเหตุอื่น โดยมากมักไม่แสดงอาการ การวินิจฉัยต้องอาศัยภาพถ่ายรังสี (MRI, CT) ร่วมกับการซักประวัติและผลเลือด ก้อนขนาดเล็กที่ไม่มีลักษณะอันตรายสามารถติดตามได้โดยไม่ต้องตัดชิ้นเนื้อ ส่วนก้อนที่มีลักษณะผิดปกติหรือขนาดใหญ่จำเป็นต้องวินิจฉัยเพิ่มเติมด้วยการตัดชิ้นเนื้อ เพื่อให้ได้การรักษาที่เหมาะสมและปลอดภัยในระยะยาว