มะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemia)

เม็ดเลือดทุกชนิดในร่างกายเรามาจากเซลล์ต้นกำเนิดในไขกระดูก โดยเซลล์ต้นกำเนิดสายลิมฟอยด์ (lymphoid stem cell) จะพัฒนาไปเป็นเม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์และพลาสมาเซลล์ ส่วนสายมัยอิลอยด์ (myeloid stem cell) จะให้กำเนิดเม็ดเลือดแดง เกล็ดเลือด เม็ดเลือดขาวชนิดอื่น ๆ และแมคโครฟาจ หากเซลล์ในสายใดสายหนึ่งแบ่งตัวมากผิดปกติ จนรบกวนการทำงานของระบบเลือดและร่างกายโดยรวม เราเรียกภาวะนี้ว่า “มะเร็งของเม็ดเลือด”

โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือลิวคีเมีย คือการที่เซลล์ต้นกำเนิดของเม็ดเลือดขาวมีการแบ่งตัวผิดปกติอย่างไม่หยุดยั้ง สะสมอยู่ในไขกระดูก แล้วกระจายเข้าสู่กระแสเลือด เม็ดเลือดขาวเหล่านี้ไม่สามารถทำหน้าที่ตามปกติได้ และยังไปแย่งพื้นที่ในการสร้างเม็ดเลือดชนิดอื่น ส่งผลให้การสร้างเม็ดเลือดปกติลดลง นอกจากนี้ยังทำให้อวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการกำจัดเซลล์ผิดปกติ เช่น ตับและม้าม ต้องทำงานหนักขึ้นจนมีขนาดโตขึ้น

ปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาว

แม้จะยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดของมะเร็งเม็ดเลือดขาว แต่มีปัจจัยบางประการที่พบร่วมในผู้ป่วยบางราย เช่น:

  • พันธุกรรมผิดปกติ เช่น โรค Down syndrome, Bloom syndrome, Kostmann’s syndrome, Fanconi anemia และ Diamond-Blackfan anemia
  • การได้รับรังสีในปริมาณสูง เช่น การฉายรังสีเพื่อรักษาโรค หรือได้รับกัมมันตภาพรังสี โดยเฉพาะในระหว่างตั้งครรภ์
  • การได้รับสารพิษบางชนิด เช่น เบนซีน
  • การติดเชื้อไวรัสบางชนิด เช่น HTLV-1, EBV, HIV
  • เคยได้รับยาเคมีบำบัดกลุ่ม alkylating agents
  • มีโรคทางโลหิตวิทยาเรื้อรังมาก่อน เช่น MDS, Aplastic anemia, Multiple myeloma


ชนิดของมะเร็งเม็ดเลือดขาว

มะเร็งเม็ดเลือดขาวสามารถจำแนกออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ ชนิดเฉียบพลัน (Acute) และชนิดเรื้อรัง (Chronic) โดยแยกย่อยได้อีกตามสายเซลล์ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ lymphoid และ myeloid

  1. Acute Lymphoblastic Leukemia (ALL)

    พบได้บ่อยที่สุดในเด็ก โดยเฉพาะช่วงอายุ 2–5 ปี มักมีอาการไข้เรื้อรัง ซีด เลือดออกง่าย ต่อมน้ำเหลืองโต ตับม้ามโต และบางรายอาจมีการลุกลามไปยังระบบประสาทส่วนกลาง การรักษาประกอบด้วยเคมีบำบัดร่วมกับการฉีดยาเข้าไขสันหลัง การพยากรณ์โรคโดยรวมค่อนข้างดีในเด็ก โดยเฉพาะกลุ่มความเสี่ยงต่ำ

  2. Acute Myelogenous Leukemia (AML)

    พบบ่อยในผู้ใหญ่อายุ 60 ปีขึ้นไป อาการคล้าย ALL แต่มีแนวโน้มมีภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อหรือเลือดออกมากกว่า การรักษาหลักคือเคมีบำบัดและการปลูกถ่ายไขกระดูกในกรณีที่เหมาะสม พยากรณ์โรคขึ้นอยู่กับอายุและชนิดของความผิดปกติทางพันธุกรรม

  3. Chronic Lymphocytic Leukemia (CLL)

    มักพบในผู้สูงอายุและมักไม่มีอาการในระยะแรก จึงตรวจพบโดยบังเอิญ โรคดำเนินช้า และอาจไม่จำเป็นต้องรักษาในระยะแรก แต่จะพิจารณารักษาเมื่อมีอาการ เช่น ต่อมน้ำเหลืองโต อ่อนเพลีย หรือมีภาวะภูมิคุ้มกันผิดปกติ พยากรณ์โรคโดยรวมค่อนข้างดี

  4. Chronic Myelogenous Leukemia (CML)

    พบในวัยกลางคนและผู้สูงอายุ มีความสัมพันธ์กับโครโมโซมผิดปกติที่เรียกว่า Philadelphia chromosome ผู้ป่วยมักอ่อนเพลีย น้ำหนักลด ม้ามโต การรักษาด้วยยากลุ่ม tyrosine kinase inhibitors เช่น imatinib ได้ผลดีมาก และทำให้พยากรณ์โรคดีขึ้นมากในปัจจุบัน

  5. มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดอื่น ๆ

    ยังมีมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดที่พบได้น้อย แต่มีความสำคัญในการวินิจฉัยและรักษา ได้แก่:

    • Hairy Cell Leukemia (HCL): เป็นมะเร็ง B-cell ชนิดเรื้อรัง เซลล์มีลักษณะคล้ายขน พบในผู้ใหญ่ มีอาการซีด ติดเชื้อบ่อย ม้ามโต รักษาด้วยยา cladribine มักตอบสนองดี
    • Large Granular Lymphocytic (LGL) Leukemia / NK-cell Leukemia: มะเร็งจากเซลล์ T หรือตัวฆ่า NK มักพบในวัยกลางคน อาจมีซีด ภูมิคุ้มกันต่ำ หรือมีโรคภูมิแพ้ตนเอง รักษาโดยใช้ยากดภูมิ หรือเคมีบำบัด
    • Plasma Cell Leukemia (PCL): รูปแบบรุนแรงของ multiple myeloma พบเซลล์ plasma ในเลือดจำนวนมาก มีอาการรุนแรง เช่น ไตวาย แคลเซียมสูง ต้องรักษาด้วยยาเคมีบำบัดร่วมกับการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด
    • Acute Myelomonocytic Leukemia (AMML): ชนิดย่อยของ AML ที่มีลักษณะทั้ง myeloid และ monocyte มีอาการไข้ ติดเชื้อ ม้ามโต รักษาเช่นเดียวกับ AML
    • Chronic Myelomonocytic Leukemia (CMML): โรคในกลุ่ม MDS/MPN พบในผู้สูงอายุ มีจำนวน monocyte สูง ซีด ม้ามโต รักษาตามความรุนแรง ตั้งแต่ติดตามอาการถึงปลูกถ่ายไขกระดูก


บทบาทของรังสีรักษาในมะเร็งเม็ดเลือดขาว

รังสีรักษา (Radiation therapy) ไม่ใช่แนวทางหลักในการรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาว เนื่องจากเซลล์มะเร็งกระจายอยู่ในกระแสเลือดและไขกระดูกทั่วร่างกาย จึงตอบสนองต่อยาเคมีบำบัดหรือยาพุ่งเป้าได้ดีกว่า อย่างไรก็ตาม รังสีรักษายังมีบทบาทในบางกรณี ได้แก่:

  • ฉายรังสีเฉพาะที่: เช่น ในกรณีมีก้อนในช่องอก (mediastinal mass) หรือก้อนกดทับไขสันหลัง
  • ฉายรังสีทั้งตัว (Total Body Irradiation - TBI): ใช้ก่อนการปลูกถ่ายไขกระดูก เพื่อทำลายเซลล์มะเร็งที่เหลือ
  • ฉายรังสีสมองหรือไขสันหลัง: กรณี ALL ที่มีการกระจายเข้าสู่ระบบประสาท
  • บรรเทาอาการ (Palliative radiation): เพื่อลดอาการปวดจากก้อนที่กดเบียดหรือมีแผล

วิธีตรวจวินิจฉัยและจำแนกชนิดของมะเร็งเม็ดเลือดขาว

การวินิจฉัยเริ่มจากการตรวจนับเม็ดเลือด (CBC) หากพบความผิดปกติ เช่น เม็ดเลือดขาวสูง ซีด หรือเกล็ดเลือดต่ำ จะมีการตรวจเพิ่มเติม ได้แก่:

  • การดูสเมียร์เลือด (Peripheral blood smear): เพื่อดูรูปร่างเม็ดเลือดผิดปกติ
  • การเจาะไขกระดูก (Bone marrow aspiration and biopsy): เพื่อตรวจหาเซลล์มะเร็งและประเมินสัดส่วนเซลล์ในไขกระดูก
  • การตรวจทางโมเลกุลและพันธุกรรม: เช่น การตรวจโครโมโซมหรือการหาการกลายพันธุ์ เช่น BCR-ABL
  • การตรวจน้ำไขสันหลัง (Lumbar puncture): ในกรณีที่สงสัยมีการกระจายเข้าสู่ระบบประสาท

สรุป

มะเร็งเม็ดเลือดขาวเป็นกลุ่มของโรคมะเร็งที่มีความหลากหลายในการแสดงอาการ สาเหตุ และแนวทางรักษา การวินิจฉัยที่รวดเร็วและแม่นยำช่วยให้สามารถเลือกการรักษาที่เหมาะสมได้ ซึ่งในปัจจุบันมีการพัฒนายาเฉพาะทางและการปลูกถ่ายไขกระดูกที่ทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากสามารถหายขาดหรือมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ การติดตามและประเมินความเสี่ยงรายบุคคลเป็นสิ่งสำคัญในการวางแผนการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม