คลื่นไฟฟ้าหัวใจขณะออกกำลัง (Exercise stress test, EST, Exercise tolerance test, ETT)

การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจขณะออกกำลังเป็นการทดสอบภาวะหัวใจขาดเลือดหรือภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะที่สัมพันธ์กับการออกแรงในชีวิตประจำวัน โดยให้ผู้ป่วยเดินบนสายพานเลื่อนหรือปั่นจักรยานเพื่อให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นจนถึงอัตราเป้าหมาย แล้วดูว่าคลื่นไฟฟ้าหัวใจมีความผิดปกติหรือไม่

คลื่นไฟฟ้าหัวใจที่แสดงลักษณะของกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดคือ การมี ST-segment depression (รูปที่ 1) หรือ ST-segment elevation (รูปที่ 2) > 1 mm (1 ช่องเล็ก) บางรายเมื่อออกกำลังแล้วจะเกิดหัวใจเต้นรัวผิดจังหวะ (รูปที่ 3)

การตรวจ EST เป็นการกระตุ้นให้เกิดความผิดปกติที่หัวใจ จึงต้องมีแพทย์เฝ้าดูตลอดเวลา ถึงกระนั้นก็ยังมีข้อห้ามทำมากมาย ดังนี้

  1. เพิ่งมีกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันมาไม่เกิน 6 วัน
  2. มีหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ชนิดที่เรียกว่า Unstable angina (rest pain) ไม่เกิน 2 วัน
  3. มีหัวใจเต้นผิดจังหวะที่ควบคุมไม่ได้ และทำให้เกิดอาการหรือความดันโลหิตต่ำ
  4. มีโรคลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบอย่างรุนแรงและมีอาการ
  5. มีภาวะหัวใจล้มเหลวที่การรักษายังไม่ได้ผล
  6. มีภาวะเส้นเลือดปอดอุดตันเฉียบพลัน
  7. มีลิ้นหัวใจอักเสบติดเชื้อ
  8. มีภาวะเส้นเลือดแดงเอออร์ตาฉีกขาดเฉียบพลัน
  9. มีการเจ็บป่วยเฉียบพลันที่อาจมีผลต่อการทดสอบ เช่น การติดเชื้อ โรคไตวาย โรคไทรอยด์เป็นพิษ, Deep vein thrombosis, Myocarditis, Pericarditis
  10. มีความดันโลหิตตัวบน ≥ 200 มิลลิเมตรปรอท และ/หรือ ความดันโลหิตตัวล่าง ≥ 110 มิลลิเมตรปรอท
  11. มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะทั้งชนิดเร็วและช้าผิดจังหวะอยู่แล้ว
  12. มีโรคกล้ามเนื้อหัวใจโตชนิดที่เรียกว่า Hypertrophic cardiomyopatthy หรือภาวะอื่นที่มีการอุดตันของช่องทางออกของหัวใจห้องล่างซ้าย
  13. มีปัญหาเรื่องการเดิน ข้อเข่า หรือมีโรคปอด ซึ่งทำให้เหนื่อยง่ายเวลาออกกำลัง และไม่สามารถออกกำลังจนอัตราการเต้นของหัวใจถึงเป้าหมาย
  14. มีสภาพจิตใจหรือร่างกายผิดปกติที่เป็นอุปสรรคต่อการทดสอบ
  15. ตัวผู้ป่วยไม่ให้ความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร

หากไม่มีข้อห้ามดังกล่าวทั้งหมด ข้อบ่งชี้ในการตรวจได้แก่

  1. เพื่อวินิจฉัยโรคเส้นเลือดหัวใจตีบตัน ในผู้ที่มีอาการเจ็บหน้าอกและมีปัจจัยเสี่ยง แต่คลื่นไฟฟ้าหัวใจขณะพักยังไม่แสดงกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดชัดเจน
  2. เพื่อคัดกรองผู้ป่วยที่ยังไม่มีอาการ แต่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดโรคเส้นเลือดหัวใจตีบตัน
  3. เพื่อประเมินสมรรถภาพร่างกายและการตอบสนองต่อการรักษา ในรายที่มีหัวใจล้มเหลว หรือรอผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ
  4. เพื่อพยากรณ์โรคและกำหนดแนวทางการรักษา ในผู้ที่มีเส้นเลือดหัวใจตีบตัน
  5. เพื่อหาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะที่สัมพันธ์กับการออกกำลังกาย

การเตรียมตัวก่อนตรวจ EST

  1. หยุดยากลุ่มที่ต้านตัวรับเบตา (β-Blockers) และยา Digoxin ก่อนถึงวันตรวจประมาณ 1 สัปดาห์
  2. หยุดยากลุ่มไนเตรท (Nitrates) ในวันนัดตรวจ
  3. งดน้ำ อาหาร งดสูบบุหรี่ 2 ชั่วโมง ก่อนการตรวจ
  4. ควรสวมเสื้อผ้าที่ใส่สบายและเหมาะกับการออกกำลังกาย รวมทั้งสวมใส่รองเท้าที่สามารถเดินหรือวิ่งได้คล่องตัวโดยไม่หลุด

ขั้นตอนการตรวจ

  1. แพทย์จะตรวจประเมินหาข้อห้ามในการทำ EST ก่อน
  2. เจ้าหน้าที่จะทำการติดเครื่องวัดความดันโลหิตและชีพจรแบบอัตโนมัติ และติดสายวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจบริเวณหน้าอก และจัดเตรียมเครื่องกระตุ้นหัวใจด้วยไฟฟ้าไว้สำหรับกรณีฉุกเฉิน
  3. แพทย์จะทำการบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจก่อนการทดสอบ ทั้งท่านอนและท่ายืน
  4. ชีพจรเป้าหมายคำนวณจาก
    เพศชาย (220 - อายุ) x 0.85
    เพศหญิง (210 - อายุ) x 0.85
  5. ขณะออกกำลังกายจะมีการวัดความดันโลหิตและชีพจรเป็นระยะ ๆ โดยแพทย์จะติดตามการเปลี่ยนแปลงของคลื่นไฟฟ้าหัวใจจากจอมอนิเตอร์
  6. แพทย์อาจให้หยุดการทดสอบก่อนถึงชีพจรเป้าหมาย ถ้ามีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น
    • ST segment depression > 3 mm
    • ST segment elevation > 1 mm ใน non-Q wave lead
    • Frequent ventricular extrasystoles (ยกเว้นเป็นการตรวจเพื่อทดสอบ ventricular arrhythmia)
    • Onset of ventricular tachycardia
    • New atrial fibrillation, supraventricular tachycardia, bundle branch block, second or third degree heart block
    • ผู้ป่วยขอหยุดเพราะเหนื่อยเกินไป วิงเวียน ปวดขา ความดันตก หรือความดันขึ้นสูงมาก
    • หัวใจหยุดเต้น!
  7. หลังตรวจแพทย์จะให้นั่งหรือนอนพักจนคลื่นไฟฟ้าหัวใจกลับมาเหมือนก่อนทำ EST หากความผิดปกติที่เกิดขึ้นไม่หายไป ผู้ป่วยอาจจำเป็นต้องนอนพักในโรงพยาบาล

บรรณานุกรม

  1. Mark D. Darrow. 1999. "Ordering and Understanding the Exercise Stress Test." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Am Fam Physician. 1999;59(2):401-410. (14 พฤศจิกายน 2563).
  2. Jonathan Hill and Adam Timmis. "Exercise tolerance testing." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา BMJ. 2002;324(7345):1084–1087. (14 พฤศจิกายน 2563).
  3. "การตรวจสมรรถภาพหัวใจ EST (Exercise Stress Test)." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา ศูนย์ศรีพัฒน์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. (14 พฤศจิกายน 2563).
  4. Alex McLellan and David Prior. 2012. "Cardiac stress testing: Stress electrocardiography and stress echocardiography." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Aus Fam Physician. 2012;41(3):119-122. (14 พฤศจิกายน 2563).