การตรวจสมรรถภาพปอด
(Spirometry, Pulmonary function test, PFT)

สไปโรเมตรีย์เป็นวิธีหนึ่งในการตรวจสมรรถภาพปอดที่ปัจจุบันนิยมใช้ เพราะเครื่องไม่ใหญ่ ปลอดภัยไม่ต้องสูดก๊าซพิษ และไม่ต้องถูกเจาะเลือด แต่การแปลผลยังต้องอาศัยผู้ชำนาญ

ข้อบ่งชี้ในการตรวจสไปโรเมตรีย์

  1. เพื่อวินิจฉัยโรคของระบบหายใจ โดยเฉพาะโรคหอบหืด ในผู้ที่มีอาการเหนื่อย แต่ผลตรวจหรือเอกซเรย์ทรวงอกไม่สามารถวินิจฉัยโรคได้
  2. เพื่อประเมินความรุนแรงของโรคระบบหายใจ
  3. คัดกรองผู้ที่ยังไม่มีอาการแต่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคระบบการหายใจ เช่น ในคนสูบบุหรี่ คนทํางานเหมืองแร่ คนทำงานกับฝุ่นผ้าหรือละอองสารเคมี
  4. ประเมินความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนด้านระบบหายใจก่อนการผ่า ตัด
  5. ติดตามผลการรักษา
  6. ติดตามการดำเนินโรค
  7. ติดตามผลข้างเคียงของยาที่มีผลต่อระบบการหายใจ เช่น amiodarone

ข้อห้ามในการตรวจสไปโรเมตรีย์

  1. ไอเป็นเลือด
  2. ปอดบวม วัณโรคปอด ติดเชื้อในทางเดินหายใจส่วนล่าง
  3. มีลมรั่วในช่องเยื่อหุ้มปอด
  4. มีโรคของระบบหัวใจที่ยังคุมไม่ดี เช่น ความดันโลหิตสูงหรือต่ำเกินไป, recent myocardial infarction หรือ pulmonary embolism, aortic aneurysm
  5. เพิ่งได้รับการผ่าตัดตา
  6. เพิ่งได้รับการผ่าตัดช่องอกหรือช่องท้อง
  7. สตรีมีครรภ์ (ยกเว้นในบางรายที่จําเป็น)
  8. ผู้ที่กำลังป่วย เช่น คลื่นไส้อาเจียน วิงเวียน

ขั้นตอนการตรวจ

หยุดยาขยายหลอดลมแบบสูดอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงก่อน ทำการตรวจ ส่วนยาขยายหลอดลมแบบรับประทานให้หยุดอย่างน้อย 1 วัน (ถ้าไม่สามารถหยุดได้ให้บันทึกเวลาที่ใช้ยาแต่ละชนิดครั้งสุดท้าย) งดชา กาแฟ แอลกอฮอล์ บุหรี่ และอาหารมื้อใหญ่ อย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนเวลาตรวจ

เมื่อเข้าห้องตรวจ เจ้าหน้าที่จะวัดส่วนสูง จับสัญญาณชีพ แล้วให้นั่งข้างเครื่องตรวจ ผู้ป่วยจะได้รับการหนีบจมูก หายใจเข้าทางปากให้เต็มที่แล้วกลั้นไว้ อมท่อหายใจ ปิดปากให้สนิท แล้วหายใจออกผ่านท่อให้เร็วและแรงที่สุด จากนั้นสูดหายใจเข้าเต็มที่ผ่านท่อ เป็นอันเสร็จขั้นตอน 1 ชุด เจ้าหน้าที่อาจให้ทำซ้ำอีกหลายชุดจนกว่าจะได้กราฟ Volume-time curve และ Flow-volume loop ที่ใช้การได้ จากนั้นเครื่องจะคำนวณค่าสมรรถภาพปอดต่าง ๆ ให้

การแปลผล

ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจศัพท์ที่ใช้เรียกความจุของปอดแต่ละส่วนเวลาที่เราหายใจเข้า-ออก เพื่อจะได้รู้จักค่าสมรรถภาพปอดที่สำคัญบางตัวที่ใช้วินิจฉัยและติดตามผลการรักษา

เมื่อเราหายใจเข้า-ออกปกติ ปริมาตรอากาศที่เราใช้มีเพียง 10-15% ของความจุปอดทั้งหมด เรียกว่า Tidal volume เมื่อเราหายใจเข้าลึกสุด ปริมาตรอากาศส่วนที่เพิ่มขึ้นจาก Tidal volume เรียกว่า Inspiratory reserve volume และเมื่อเราหายใจออกอย่างเร็วและแรงที่สุด ปริมาตรอากาศที่ออกไปทั้งหมดเรียกว่า Forced vital capacity ซึ่งเท่ากับ Tidal volume + Inspiratory reserve volume + Expiratory reserve volume กระนั้น อากาศในปอดยังคงเหลืออยู่ส่วนหนึ่ง เรียกว่า Residual volume (ดูรูปข้างบน)

ตัวอย่างตัวแปรสำคัญที่เราใช้วัดสมรรถภาพปอด ได้แก่

FEV1 (Forced expiratory volume in 1 second) หมายถึง ปริมาตรอากาศสูงสุดใน 1 วินาทีแรก ที่ได้จากการหายใจออกอย่างเร็วและแรงที่สุด จากตําแหน่งหายใจเข้าเต็มที่ มีหน่วยเป็นลิตร

FVC (Forced vital capacity) หมายถึง ปริมาตรอากาศที่ได้จากการหายใจออกอย่างเร็วและแรงที่สุด 1 ครั้ง จากตําแหน่งหายใจเข้าเต็มที่ มีหน่วยเป็นลิตร

%FEV1 คือ ค่าที่ได้จากการนําค่า FEV1 หารด้วยค่า FVC แล้วคูณด้วย 100 มีหน่วยเป็น %

FEF25-75% (Forced expiratory flow at 25-75 %) ค่าเฉลี่ยของอัตราการไหลของอากาศที่คํานวณในระหว่างช่วงปริมาตร 25–75 % ของ FVC (ช่วงกลางของ FVC) ค่านี้มีหน่วย เป็นลิตรต่อวินาที บางครั้งอาจเรียกค่านี้ว่าค่า Maximum mid-expiratory flow (MMEF) ก็ได้

ค่าต่าง ๆ เหล่านี้ต้องอิงเกณฑ์ปกติตามกลุ่มอายุ เพศ และส่วนสูงของประชากร สำหรับคนไทยสามารถคำนวณค่าอ้างอิงตามกลุ่มได้ ที่นี่

สำหรับการแปลผลเพื่อวินิจฉัยโรค เราจะดูที่ %FEV1 หรือ FEV1/FVC ก่อน ถ้าต่ำกว่าค่าอ้างอิงแสดงว่ามีความผิดปกติแบบอุดกั้น ซึ่งได้แก่โรคหอบหืด โรคถุงลมโป่งพอง โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง (chronic bronchitis, bronchiectasis) และหาก FVC ต่ำด้วยแสดงว่ามีความผิดปกติแบบจำกัดการขยายร่วมด้วย ซึ่งได้แก่โรคอ้วน โรคของเยื่อหุ้มปอด โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ทรวงอกผิดรูป และโรคของปอดแบบ interstitial lung disease

ในความผิดปกติแบบอุดกั้นให้ลองสูดหรือพ่นยาขยายหลอดลมแล้วทำสไปโรเมตรีย์ใหม่ ถ้า FEV1 ดีขึ้น > 12% และ > 200 ml แสดงว่ามีหลอดลมตีบชั่วคราว ถ้าไม่ดีขึ้นแสดงว่าโรคเป็นมากจนแก้ไขไม่ได้แล้ว

หาก %FEV1 ไม่ต่ำ ให้ดูที่ FVC ถ้าต่ำแสดงว่ามีความผิดปกติแบบจำกัดการขยาย ถ้าไม่ต่ำให้ดูที่ FEF25-75% ต่อ ถ้าต่ำแสดงว่าเป็นโรคของหลอดลมฝอย (bronchiolitis) ซึ่งได้แก่โรคติดเชื้อของทางเดินหายใจส่วนล่าง และโรคจากฝุ่น ถ้าไม่ต่ำแสดงว่าสมรรถภาพปอดปกติ

ค่าสมรรถภาพปอดที่เครื่องคำนวณให้มีมากกว่านี้ แต่ส่วนใหญ่เอาไว้ใช้ติดตามผลการรักษาและการดำเนินของโรคเรื้อรัง ผู้สนใจสามารถหาอ่านเพิ่มเติมได้จากบรรณานุกรมข้างล่าง

บรรณานุกรม

  1. "แนวทางการตรวจและแปลผลสมรรถภาพปอดด้วยวิธีสไปโรเมตรีย์ในงานอาชีวอนามัย." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา มูลนิธิสัมมาอาชีวะ. (19 ธันวาคม 2563).
  2. "แนวทางการตรวจสมรรถภาพปอด ๑. สไปโรเมตรีย์." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา สมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย. (27 ธันวาคม 2563).
  3. Anna Neumeier. "Interpretation of pulmonary function tests (PFT)." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา ACP. (27 ธันวาคม 2563).
  4. J.M.B. Hughes. "Interpretating pulmonary function tests." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Breathe. 2009;6(2)102-110 (27 ธันวาคม 2563).