ดีซ่าน (Jaundice)

ดีซ่านเป็นอาการแสดงที่ผิวหนังและเนื้อเยื่อมีสีเหลืองผิดปกติ ซึ่งอาจมีสาเหตุจากโรค หรือไม่ใช่โรคก็ได้ ทั้งนี้อาการเหลืองเกิดจากสารสีในร่างกายที่สะสมมากเกินไป โดยสารที่ทำให้เกิดสีเหลืองมีอยู่ 2 ชนิดคือ แคโรทีน และ บิลิรูบิน

แคโรทีนเป็นสารสีที่พบมากในมะละกอสุก ฟักทอง แครอท แตงโม และผักผลไม้สีเหลืองส้ม เมื่อรับประทานต่อเนื่องหลายวันอาจทำให้ฝ่ามือฝ่าเท้ามีสีเหลืองได้ แต่ไม่มีอันตราย และไม่ถือว่าเป็น “ดีซ่าน” ทางการแพทย์ เมื่อหยุดรับประทาน อาการเหลืองก็จะค่อย ๆ หายไปเอง

ส่วนบิลิรูบินเป็นสารที่เกิดจากการสลายเม็ดเลือดแดงที่หมดอายุ เมื่อม้ามทำลายเม็ดเลือดแดง ร่างกายจะได้ธาตุเหล็กและบิลิรูบินกลับคืน ธาตุเหล็กจะถูกนำไปสร้างเม็ดเลือดใหม่ ขณะที่ตับจะจับบิลิรูบินไปเปลี่ยนเป็นน้ำดีเพื่อขับออกทางลำไส้ ซึ่งน้ำดียังมีส่วนช่วยย่อยอาหารที่มีไขมันด้วย

หากมีเม็ดเลือดแดงถูกทำลายมากผิดปกติ หรือเมื่อตับกำจัดบิลิรูบินได้ไม่ทัน สารนี้จะสะสมในเนื้อเยื่อต่าง ๆ ทั่วร่างกาย ทำให้เกิดสีเหลืองสม่ำเสมอรวมถึงที่ตาขาว จึงเรียกว่า “ดีซ่าน” ผู้ที่มีดีซ่านมักมีผิวเหลือง คัน และปัสสาวะสีเหลืองเข้มร่วมด้วย

ดีซ่านในทารก

ทารกแรกเกิดที่สุขภาพดีประมาณ 60% อาจมีดีซ่านในช่วงสัปดาห์แรกหลังคลอด และมักหายไปเองภายใน 1–2 สัปดาห์ เรียกว่า physiologic jaundice เกิดจากตับของทารกยังทำงานไม่เต็มที่ และมักพบมากขึ้นหากทารกดูดนมหรือน้ำได้น้อย รวมถึงในทารกคลอดก่อนกำหนดหรือทารกน้ำหนักตัวน้อย

หากทารกเริ่มเหลืองในวันที่ 2–5 หลังคลอด แต่ยังดูแข็งแรง ไม่มีไข้ ไม่ซึม ดูดนมดี และถ่ายอุจจาระสีปกติ สามารถดูแลลดอาการได้โดยให้ทารกดูดนมบ่อยขึ้น ให้ตากแดดอ่อนตอนเช้า และอาจใช้แสงไฟนีออนช่วยลดระดับบิลิรูบินได้

อย่างไรก็ตาม หากสีเหลืองเข้มขึ้นเรื่อย ๆ เกิน 1 สัปดาห์ หรือทารกมีอาการผิดปกติ เช่น ไข้ ซีด ซึม อ่อนปวกเปียก ไม่ดูดนม อาเจียน ชัก ร้องเสียงแหลม ควรรีบพาไปโรงพยาบาลทันที เพราะภาวะเหลืองจัดมากจนฝ่ามือฝ่าเท้าเหลืองอาจส่งผลต่อสมองและอาจจำเป็นต้องถ่ายเลือด

ดีซ่านที่เริ่มตั้งแต่วันแรกหลังคลอด หรือเริ่มหลังสัปดาห์แรก ถือว่าไม่ปกติ สาเหตุที่อาจพบ ได้แก่ การตกเลือดภายในหลังคลอด การติดเชื้อ การที่เลือดแม่-ลูกไม่เข้ากัน ภาวะตับทำงานผิดปกติ การขาดเอนไซม์บางชนิด รวมถึงโรคแต่กำเนิด เช่น ท่อน้ำดีตีบตัน และโรคเลือดอย่างธาลัสซีเมีย



ดีซ่านในคนทั่วไป

เมื่อพ้นวัยทารกไปแล้ว สาเหตุของอาการดีซ่านจะคล้ายกันทุกวัย โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลักคือ

  1. ภาวะเม็ดเลือดแดงถูกทำลายมากผิดปกติ เช่น โรคธาลัสซีเมีย, ภาวะขาดเอนไซม์ G6PD, การตกเลือดมาก, หรือการได้รับเลือดปริมาณมาก ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักมีอาการซีดร่วมด้วย
  2. ภาวะตับกำจัดบิลิรูบินไม่ได้ เช่น ตับอักเสบจากไวรัส, โรคฉี่หนู, มาลาเรีย, ตับอักเสบจากสุรา, หรือจากยาบางชนิด เช่น ยาวัณโรค ยาปฏิชีวนะบางชนิด เคมีบำบัด, ตับอักเสบจากภูมิต้านตนเอง, ตับแข็ง, หรือฝีในตับ
  3. ภาวะอุดตันของท่อน้ำดี เช่น นิ่วในถุงน้ำดีหรือท่อน้ำดี มะเร็งท่อน้ำดี มะเร็งตับอ่อน หรือมะเร็งตับ ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักมีอุจจาระสีจางคล้ายดินเหนียวหรือขี้เถ้าร่วมด้วย

แนวทางการวินิจฉัย

ผู้ที่มีอาการดีซ่านทุกรายควรได้รับการตรวจเลือดอย่างน้อย 2 อย่าง ได้แก่ การตรวจนับเม็ดเลือด (CBC) และการตรวจการทำงานของตับ (LFT) หากไม่พบภาวะเม็ดเลือดแดงถูกทำลายผิดปกติ ให้พิจารณาผลการทำงานของตับเพื่อแยกสาเหตุต่อไป

หากค่าตับบ่งชี้ภาวะตับอักเสบ จะต้องตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม เช่น การติดเชื้อไวรัสหรือผลข้างเคียงจากยา แต่หากสงสัยภาวะอุดตันของท่อน้ำดี จะทำการตรวจอัลตราซาวด์เพื่อดูโครงสร้างของตับและท่อน้ำดี

เมื่ออัลตราซาวด์ไม่พบการอุดตัน แสดงว่าเป็นความผิดปกติที่ตัวตับโดยตรง มักเกิดจากการติดเชื้อ หรือการดื่มสุราและยาบางชนิด ค่าเอนไซม์ AST และ ALT ช่วยบ่งชี้ลักษณะของตับอักเสบได้ โดยทั่วไปตับอักเสบจากแอลกอฮอล์มักมีค่า AST > ALT ส่วนตับอักเสบจากไวรัสจะมีค่า ALT สูงกว่า AST และอาจสูงมากถึงระดับหลายพัน IU/L

ระดับบิลิรูบินรวม (total bilirubin) ยังช่วยประเมินความรุนแรงของโรคได้ หากสูงขึ้นรวดเร็วอาจส่งผลต่อระบบประสาท ทำให้ซึม ไม่รู้สึกตัว เกิดอาการชัก และอาจอันตรายถึงชีวิต

สรุป

ดีซ่านเป็นสัญญาณสำคัญที่บ่งชี้ถึงความผิดปกติบางอย่างในร่างกาย ตั้งแต่ภาวะที่ไม่เป็นอันตราย เช่น การสะสมแคโรทีน ไปจนถึงโรคที่ร้ายแรงเกี่ยวกับเม็ดเลือด ตับ และท่อน้ำดี การสังเกตอาการร่วม เช่น ซีด คัน ปัสสาวะเข้ม อุจจาระซีด หรืออาการผิดปกติอื่น ๆ มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในทารกแรกเกิดที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ

การตรวจวินิจฉัยที่ถูกต้องและรวดเร็ว เช่น CBC, LFT และอัลตราซาวด์ มีบทบาทสำคัญในการหาสาเหตุ ช่วยให้สามารถรักษาได้ตรงจุด และลดภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น หากพบอาการเหลืองผิดปกติ โดยเฉพาะเมื่อเหลืองเข้มขึ้นเรื่อย ๆ หรือมีอาการร่วม ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการประเมินทันที