ความดันโลหิตกว้าง (Wide pulse pressure)
ความดันโลหิตประกอบด้วยตัวเลข 2 ค่า มีหน่วยเป็น มิลลิเมตรปรอท (mmHg)
- ตัวบน (systolic) คือความดันภายในหลอดเลือดแดงขณะที่หัวใจฉีดเลือดออกไป ผนังหลอดเลือดจะโป่งออกอย่างที่เรารู้สึกเวลาจับชีพจร
- ตัวล่าง (diastolic) คือความดันพื้นฐานภายในหลอดเลือดแดงเวลาที่หัวใจคลายตัว
ความกว้างของความดัน (pulse pressure, PP, Ppulse) คือ ความแตกต่างระหว่างความดันค่าบนกับความดันค่าล่าง ปกติจะอยู่ในช่วง 25-50% ของความดันค่าบน ความกว้างนี้บอกถึงความยืดหยุ่นของผนังหลอดเลือดในการรับแรงดันขณะที่หัวใจบีบตัวฉีดเลือดออกไป
จากรูปซ้ายมือ ∆V คือความแตกต่างของปริมาตรเลือดในหลอดเลือดแดงใหญ่เอออร์ตาขณะที่หัวใจบีบตัวและคลายตัว, ∆P คือความแตกต่างของความดันในหลอดเลือดแดงใหญ่เอออร์ตาขณะที่หัวใจบีบตัวและคลายตัว หรือความกว้างของความดันโลหิตที่เรากำลังพูดถึง
รูป A แสดงการเปลี่ยนแปลงของแรงดันในหลอดเลือดเป็นสัดส่วนกับการเปลี่ยนแปลงของปริมาตรเลือดเมื่อผนังหลอดเลือดมีความยืดหยุ่นดี (Normal compliance)
แต่ถ้าผนังหลอดเลือดแข็ง ไม่ยืดหยุ่น (Low compliance) แม้ปริมาตรเลือดที่หัวใจฉีดออกไปแต่ละครั้งยังเท่าเดิม (∆V คงที่) แต่ทุกครั้งที่ฉีดออกไป ผนังหลอดเลือดไม่ขยาย แรงดันในหลอดเลือดก็จะเพิ่มขึ้นมาก (∆P กว้างขึ้น) ในทางกลับกัน เมื่อหัวใจคลายตัว ปริมาตรเลือดในหลอดเลือดลดลงเพราะแจกจ่ายให้อวัยวะต่าง ๆ แล้ว แต่ผนังหลอดเลือดไม่หดตัว ยังคงอ้าแข็งอยู่ แรงดันภายในหลอดเลือดก็จะลดลงมาก (∆P กว้างขึ้น) ดังแสดงในรูป B
ความกว้างของความดันโลหิตที่เกินค่าปกติ ส่วนหนึ่งจึงมาจากการแข็งตัวของหลอดเลือด (atherosclerosis) ซึ่งเป็นความเสื่อมอย่างหนึ่งของร่างกายมนุษย์ นำไปสู่โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจขาดเลือด อัมพฤกษ์อัมพาต ไตวาย และหลอดเลือดส่วยปลายอุดตันในที่สุด
สาเหตุอื่นของความดันโลหิตกว้าง
ความดันโลหิตกว้างไม่ได้เกิดจากหลอดเลือดแดงแข็งตัวอย่างเดียว ภาวะอื่นก็อาจทำให้ความดันโลหิตกว้างชั่วคราวได้ ถ้าแก้ไขได้ทัน ความกว้างของความดันโลหิตก็จะกลับมาเป็นปกติ สาเหตุเหล่านั้นได้แก่
- ลิ้นหัวใจเออร์ติกรั่ว
- มีทางเชื่อมระหว่างหลอดเลือดแดงและดำ เช่น patent ductus arteriosus, peripheral AVM
- ทางออกของหัวใจขยายกว้าง เช่น มี aortic aneurysm, aortic root dilatation
- หัวใจเต้นช้า
- ผนังเอออร์ตาฉีกขาด (aortic dissection)
- หัวใจล้มเหลวจากการขาดวิตามินบี 1
- โลหิตจางมาก
- ไทรอยด์เป็นพิษ
- หลังออกกำลังกายใหม่ ๆ
- ตั้งครรภ์
- มีไข้สูง
- แพ้ยาจนช็อก (anaphylaxis)
- อุบัติเหตุที่คอ จนไขสันหลังเสียหาย
- ติดเชื้อในกระแสเลือด
- ต่อมหมวกไตไม่ทำงาน
- ภาวะอัลบูมินในเลือดต่ำ
มีการศึกษาพบว่า ทุก ๆ 10 mmHg ของความดันที่กว้างเกินค่าปกติ เพิ่มความเสี่ยงของภาวะหัวใจล้มเหลว 14% [1] และทุก 20 mmHg ของความดันที่กว้างเกิน 40 mmHg เพิ่มความเสี่ยงของการเกิด atrial fibrillation 1.28 เท่า [2]
อาการของความดันโลหิตกว้าง
ความดันโลหิตกว้างเป็นอาการแสดง หมายถึงโดยตัวมันเองไม่ทำให้เกิดอาการอันใด แต่เป็นสัญญาณให้แพทย์ค้นหาความผิดปกติที่ซุกซ่อนอยู่ ส่วนใหญ่คนไข้จะมีอาการของโรคที่เป็นสาเหตุตั้งต้นอยู่ก่อนแล้ว
แนวทางการตรวจวินิจฉัย
ขั้นต้นแพทย์จะตรวจร่างกายหาโรคที่อาจเป็นไปได้ข้างต้น โดยเฉพาะฟังเสียงลิ้นหัวใจรั่ว และหาจุดเชื่อมของหลอดเลือดแดง-ดำ จากนั้นจะตรวจเลือด เอกซเรย์ คลื่นไฟฟ้าหัวใจ และส่งตรวจคลื่นเสียงหัวใจหากสงสัยพยาธิสภาพที่หัวใจ
แนวทางการรักษา
ผู้ที่มีความดันโลหิตกว้างแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีความดันโลหิตสูง กลุ่มที่มีความดันโลหิตปกติ และกลุ่มที่มีความดันโลหิตต่ำ
กลุ่มที่มีความดันโลหิตสูง จะถูกตรวจหาสาเหตุของความดันสูงก่อน หากไม่พบเหตุจึงจะให้ยาควบคุมความดันเหมือนโรคความดันโลหิตสูงทั่วไป ยาที่แนะนำในรายที่มีความดันโลหิตกว้างด้วย คือ กลุ่มยาปิดตัวรับอัลฟา (α-blockers) กลุ่มยาปิดตัวรับเบตา (β-blockers) กลุ่มยาปิดกั้นช่องแคลเซียม (Calcium channel blockers) [3] กลุ่มยาไนเตรต (ISDN, ISMN) กลุ่มยาต้านเอซ (ACEI) และยาสไปโรโนแลคโตน (Spironolactone) [4]
กลุ่มที่มีความดันโลหิตปกติ ส่วนใหญ่จะมีความผิดปกติของลิ้นหัวใจหรือมีทางเชื่อมระหว่างหลอดเลือดแดงกับดำ หรือมีภาวะใดภาวะหนึ่งดังกล่าวข้างต้น ซึ่งส่วนใหญ่แก้ไขได้ หากหาสาเหตุไม่พบจริง ๆ มีการศึกษาพบว่า การรับประทานกรดโฟลิกขนาด 5 mg/วัน เป็นเวลา 3 สัปดาห์ สามารถลดความกว้างของความดันโลหิตได้ 4.7 mmHg เมื่อเทียบกับยาหลอก [5]
กลุ่มที่มีความดันโลหิตต่ำ คือผู้ที่อยู่ในภาวะวิกฤติจากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งดังกล่าวข้างต้น จำเป็นต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล เติมน้ำเกลือ และ/หรือ ยาพยุงความดัน และแก้ไขสาเหตุที่เกิดขึ้นโดยเร็ว
บรรณานุกรม
- Athanase Benetos, et al. 1997. "Pulse Pressure: A Predictor of Long-term Cardiovascular Mortality in a French Male Population." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Hypertension 1997;30:1410–1415. (6 มิถุนายน 2563).
- D Edmund Anstey, et al. 2019. "Masked Hypertension: Whom and How to Screen?" [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Current hypertension reports. 2019 Apr 4;21(4):26. (7 มิถุนายน 2563).
- Hiromichi Suzuki. 2014. "Pulse Pressure Is Useful for Determining the Choice of Antihypertensive Drugs in Postmenopausal Women." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Pulse. 2014 May;1(3-4):152–160. (7 มิถุนายน 2563).
- Luc M.A.B., et al. 2001. "Pulse Pressure, Arterial Stiffness, and Drug Treatment of Hypertension." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Hypertension. 2001;38:914–921. (7 มิถุนายน 2563).
- Williams Carolyn, et al. 2005. "Folic acid supplementation for 3 wk reduces pulse pressure and large artery stiffness independent of MTHFR genotype." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Am J Clin Nutr. 82(1):26–31 (7 มิถุนายน 2563).
- Richard E. Klabunde. 2016. "Arterial and Aortic Pulse Pressure." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา cvphysiology.com (6 มิถุนายน 2563).